สวัสดีทุกคนที่เป็นแฟน Resident Evil และคอหนังสายสยองขวัญ วันนี้มีข่าวใหญ่และน่าสนใจมาเล่าสู่กันฟังแบบไม่เม้มเลย เพราะหลังจากที่เราได้ยินมาเป็นพัก ๆ ว่า Resident Evil Reboot กำลังจะกลับมาอีกครั้ง แต่ที่พีคยิ่งกว่าคือคราวนี้ได้ผู้กำกับสายโหดอย่าง Zach Cregger มาร่วมโปรเจกต์ด้วย! ซึ่งชื่อเสียงของ Zach Cregger ก็โด่งดังขึ้นมาหลังจากผลงาน Barbarian โกยเสียงชื่นชมจากนักวิจารณ์และผู้ชมจนหลายคนยกให้เป็นหนังสยองขวัญที่มีไอเดียแหวกแนวที่สุดในช่วงหลัง ๆ
แค่ได้ยินชื่อ Resident Evil ก็นึกถึงบรรยากาศของซอมบี้ โรคระบาด และองค์กรลับสุดอันตรายอย่าง Umbrella Corporation กันแล้ว คราวนี้การกลับมาทำ Reboot จึงเป็นที่จับตาอย่างแรง นอกจากจะหวังว่าภาพยนตร์จะหยิบเอาองค์ประกอบจากเกมดังของ Capcom มาใส่อย่างสมศักดิ์ศรีแล้ว ยังอยากเห็นแนวทางการเล่าเรื่องแนวใหม่ ๆ และฉากสุดหลอนในสไตล์ของ Zach Cregger อีกด้วย
จุดที่ทำให้ข่าวนี้ร้อนแรงสุด ๆ คือเกิดการ Bidding War หรือการเปิดประมูลโปรเจกต์แย่งสิทธิ์สร้าง ระหว่าง Four Studios ยักษ์ใหญ่ของวงการหนังและซีรีส์ฮอลลีวูด ขนาดแค่ข่าวลือออกมาไม่กี่วันหลายคนก็จับตามองว่าศึกนี้จะลงเอยที่ไหน เพราะแต่ละค่ายก็มีจุดเด่นแตกต่างกัน อย่างบางค่ายก็ถนัดหนังแอ็กชัน บางค่ายก็ถนัดหนังสยองขวัญ หรือบางค่ายก็อาจจับมือกับแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งแล้วส่งตรงสู่บ้านผู้ชมเลยก็เป็นได้
Resident Evil กับความคาดหวังของแฟน ๆ
แน่นอนว่าแฟน Resident Evil หลายคนผ่านการดูภาพยนตร์มาแล้วหลากหลายเวอร์ชัน ไม่ว่าจะเป็นชุดที่กำกับโดย Paul W.S. Anderson ซึ่งสร้างชื่อให้ Milla Jovovich ในบท Alice หรือซีรีส์อื่น ๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้นใน Netflix เมื่อไม่นานมานี้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลายคนยังอยากได้ “ความเป็น Resident Evil” แบบต้นตำรับอีกครั้ง อยากเห็นบรรยากาศแบบคฤหาสน์หลอนในเกม ภาพที่ให้ความรู้สึกโคตรอึดอัด แล้วก็เรื่องราวการเอาตัวรอดจากเหล่าซอมบี้ในมุมที่โหดจัดมากขึ้น
ทาง Capcom เองก็ดูเหมือนจะพร้อมสนับสนุนการดัดแปลงแฟรนไชส์เกมของตัวเองในหลากหลายรูปแบบ เพราะ Resident Evil ถือเป็นลูกรักที่สร้างรายได้และฐานแฟนทั่วโลกมาอย่างยาวนาน การปล่อยให้มี Reboot ครั้งใหญ่ อาจหมายความว่าพวกเขาอยากให้โปรเจกต์นี้ออกมาดีจริง ๆ และอาจเป็นหนังระดับแฟรนไชส์ใหม่ที่ตามมาได้อีกยาว ๆ ถ้าประสบความสำเร็จ
ทำไมการได้ตัว Zach Cregger มาถึงเป็นหมัดเด็ด
ตั้งแต่ที่ Barbarian ออกฉาย ชื่อของ Zach Cregger ก็ถูกพูดถึงไม่หยุด เพราะหนังไม่ได้มีกลิ่นอายสยองขวัญจ๋าแบบทั่วไป แต่ดันใส่ไอเดียที่ล้ำเอาเรื่อง แถมโทนหนังยังผสมความเป็นคอมเมดี้หลอน ๆ ให้คนดูลุ้นระทึกได้ตลอด เรียกว่ากระชากอารมณ์คนดูไปมาอย่างสนุกมือ ทำให้หลายคนจับตาว่าผู้กำกับคนนี้จะพาวงการหนังสยองขวัญไปทางไหนต่อ
พอมีข่าวว่า Zach Cregger จะเข้ามาดูแล Resident Evil Reboot ก็กลายเป็นที่ฮือฮาสุด ๆ เพราะถ้าสไตล์บ้าดีเดือดและไอเดียอันบรรเจิดของเขาได้มารวมกับความคลาสสิกสยองขวัญอย่าง Resident Evil มันน่าจะเกิดความลงตัวที่แฟน ๆ ต่างเฝ้ารอ บางคนก็คาดหวังว่าอาจได้เห็นการเล่าเรื่องในมุมของตัวละครที่ไม่คุ้นเคย หรือการเน้นบรรยากาศปิดตาย พาคนดูดำดิ่งลงไปในความกลัวแบบจัง ๆ ไม่มีหลุดโทน
Bidding War สุดร้อนระอุของ Four Studios
สำหรับสงครามประมูลครั้งนี้ ไม่ได้มีแค่หนึ่งหรือสองค่าย แต่มีถึง Four Studios ที่พร้อมเข้าร่วมแข่งขัน มันจึงแปลว่าทุกฝ่ายต่างมองเห็นศักยภาพและโอกาสทำเงินมหาศาลจากชื่อ Resident Evil บวกกับการได้ผู้กำกับอย่าง Zach Cregger ที่กำลังฮอตเป็นไฟ จะเรียกว่าถ้าได้สิทธิ์สร้างก็กำชัยไปกว่าครึ่ง
มีข่าวลือกันว่าบางสตูดิโออาจวางแผนทุ่มงบก้อนโตเพื่อเนรมิตให้โปรเจกต์นี้เป็น Blockbuster Horror แห่งยุคเลยก็ว่าได้ เพราะ Resident Evil ไม่ได้ขายแค่กลุ่มเกมเมอร์สายฮาร์ดคอร์เท่านั้น แต่ยังขายกลุ่มคอหนังสยองขวัญ หรือแม้แต่คนที่ชื่นชอบแอ็กชันอยู่แล้วก็อาจถูกดึงดูดให้มาดูได้ไม่ยาก พอมีแผนการณ์ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ก็ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมการประมูลถึงดุเดือดนัก
สิ่งที่แฟนเกมหวังจะได้เห็น
- การเคารพเนื้อเรื่องและรายละเอียดต้นฉบับ: ไม่ว่าจะเป็นตัวละครหลักอย่าง Chris Redfield, Jill Valentine, Leon S. Kennedy หรือ Claire Redfield แฟน ๆ ก็อยากเห็นการถ่ายทอดที่คงคาแรกเตอร์จากเกม และไม่หลุดโฟกัสไปเป็นฮีโร่แอ็กชันมากเกินไป
- บรรยากาศ Survival Horror: หวังว่าจะได้เห็นฉากที่ให้ความรู้สึกอันตรายรอบด้าน กระสุนมีจำกัด ต้องคิดก่อนใช้อย่างถี่ถ้วน และองค์กร Umbrella Corporation ที่แอบซ่อนความสยองไว้เบื้องหลัง
- ความสดใหม่ในแบบของ Zach Cregger: หลายคนเชื่อว่าผู้กำกับคนนี้อาจดึงจุดเด่นของเกมออกมาแล้วตีความใหม่ ใส่ความเป็น “จิตหลอน” หรือ “ความไม่แน่นอน” ที่เกินคาดเดา ขณะเดียวกันก็ยังรักษาแกนหลักของเรื่องไว้
บทเรียนจากอดีต Resident Evil ฉบับจอเงิน
ที่ผ่านมา หนัง Resident Evil เคยประสบความสำเร็จในตลาดทั่วไป แต่คนที่เป็นแฟนพันธุ์แท้เกมก็มักบ่นว่า “ไม่ค่อยตรงปก” หรือ “เน้นแอ็กชันไซไฟมากเกินไปจนความหลอนไม่ค่อยมา” ซึ่ง Resident Evil ฉบับ Reboot ครั้งนี้อาจเป็นโอกาสทองที่จะกอบกู้ศรัทธาจากแฟนเกมตัวจริง แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องหาจุดลงตัวไม่ให้หนังเฉพาะทางจนขาดกลุ่มผู้ชมวงกว้าง
ถ้าทำออกมาได้ดี มันจะกลายเป็นตัวอย่างสุดปัง ว่าการดัดแปลงเกมมาทำหนังแบบที่ให้เกียรติต้นฉบับสามารถเป็นไปได้จริง และอาจจุดกระแสให้แฟน ๆ เกมอื่น ๆ หวังว่าเกมดังของตัวเองจะถูกเอามาทำหนังอย่างมีคุณภาพในอนาคต
โอกาสที่เรื่องราวจะครอบคลุมหลายภาค
ด้วยความที่ Resident Evil มีเกมภาคหลัก ภาคเสริม ภาครีเมก และแยกย่อยอีกมากมาย ถ้า Reboot นี้ประสบความสำเร็จ ก็มีแนวโน้มสูงที่เราจะได้เห็นภาคต่ออีกเพียบ หรืออาจกระจายไปสู่ซีรีส์เป็นจักรวาลย่อย ๆ ก็ไม่แน่ เพราะ Resident Evil มีคอนเทนต์ให้เล่นได้ไม่รู้จบ ตั้งแต่การเอาตัวรอดในคฤหาสน์ การระบาดในเมืองทั้งเมือง ไปจนถึงปราสาทหลอนต่างแดน หรือเหตุการณ์อันสุดอึดอัดในห้องทดลองลับ ใครที่เป็นแฟนก็คงตั้งตารอที่จะเห็นมันถูกนำเสนอด้วยวิชวลอลังการ
Zach Cregger กับความคาดหวังหลัง Barbarian
หลังจาก Barbarian ปล่อยของไปแล้ว มีคนบอกว่า Zach Cregger เป็นคลื่นลูกใหม่ในวงการหนังสยองขวัญที่น่าจับตาที่สุดคนหนึ่ง เพราะเขากล้าเล่นกับโทนอารมณ์ของคนดู หักมุมไม่ซ้ำซาก และจัดจังหวะสยองได้โหดดีจริง ๆ พอเขาถือไมค์กำกับโปรเจกต์ Resident Evil Reboot ยิ่งทำให้คนคาดเดาไปต่าง ๆ นานา ว่าเนื้อเรื่องจะออกมาเป็นอย่างไร มีโอกาสเป็นหนังที่โฟกัส “ความระทึกในพื้นที่ปิด” หรือ “ปริศนาสุดช็อก” มากยิ่งกว่าฉบับก่อน ๆ รึเปล่า
แม้ตอนนี้ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดอะไรมาก แต่ก็มีเสียงซุบซิบว่าการบอกว่าเป็น “Reboot” อาจไม่ใช่แค่การเริ่มเล่าเรื่องใหม่ แต่น่าจะมีการยกเครื่องโทนหนังให้เข้าใกล้ Survival Horror เต็มตัวขึ้น ซึ่งค่ายต่าง ๆ ที่ต้องการเอาโปรเจกต์นี้ไปดูแลก็อาจมาพร้อมสไตล์การโปรโมตและการเงินทุนที่แตกต่างกัน ใครเจ๋งสุด ใครให้ข้อเสนอปัง ๆ มากที่สุด ก็คงเป็นผู้ชนะในสงครามชิงสิทธิ์ครั้งนี้
ผลกระทบต่อวงการหนังสยองขวัญและวิดีโอเกม
ถ้า Resident Evil Reboot ปังก็จะส่งผลให้วงการหนังสยองขวัญกลับมาคึกคัก คนอาจหันมาสนใจดูหนังสยองขวัญในโรงมากขึ้นอีกครั้ง ยิ่งเป็นแฟรนไชส์ที่มีแฟนเดนตายเยอะอยู่แล้ว โอกาสทางการตลาดที่ตามมาก็คงมหาศาล นอกจากนี้อาจไปกระตุ้นให้ค่ายเกมอื่น ๆ มองเห็นช่องทางที่จะจับมือกับค่ายหนังเพื่อสร้าง “Video Game Adaptation” ที่ได้คุณภาพมากขึ้น
กระแสหนังที่สร้างจากเกมเริ่มมีให้เห็นเรื่อย ๆ ในช่วงหลัง ๆ บางเรื่องประสบความสำเร็จโด่งดังจนเป็นที่พูดถึง บางเรื่องก็ดับวูบเพราะผิดโทน ตีความไม่ถึงใจแฟนเกม ถ้า Resident Evil Reboot ของ Zach Cregger ทำออกมาได้ยอดเยี่ยม ก็จะกลายเป็นกรณีตัวอย่างว่าการใส่ใจในรายละเอียด การเคารพต้นฉบับ และการหาผู้กำกับที่ถูกจริตกับโปรเจกต์ คือปัจจัยสำคัญในการสร้างหนังจากเกม
บทสรุปความน่าลุ้น
ตอนนี้ก็ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าโปรเจกต์สุดร้อนแรงนี้จะไปลงเอยกับค่ายไหนใน Four Studios แต่ที่แน่ ๆ ทุกค่ายคงต้องงัดกลยุทธ์ขั้นเทพมาชิงสิทธิ์กันอย่างดุเดือด อาจมีข่าวอัปเดตออกมาเป็นระยะว่าใครเสนอเงินมากกว่า ใครจะวางโครงสร้างการตลาดได้ยิ่งใหญ่กว่ากัน และเมื่อได้ทีมงานพร้อมสรรพทุกฝ่ายก็คงเตรียมลงมือสร้าง Resident Evil Reboot สุดอลังนี้กันอย่างเต็มกำลัง
พูดตรง ๆ ใครที่เป็นคอหนังผีหรือคอเกมก็เก็บเงินรอไว้เลย เพราะถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่หวัง นี่อาจเป็น Resident Evil ในเวอร์ชันหนังที่แฟน ๆ และคนดูทั่วไปชื่นชอบพร้อมกันก็ได้ แล้วเจอกันในโรง (หรือในสตรีมมิ่ง) เร็ว ๆ นี้ เมื่อสงครามชิงสิทธิ์สงบลงและโปรเจกต์เดินหน้าได้เต็มตัว!