นายโทนี่ ฟิชเชอร์ ประธานและผู้จัดการทั่วไป แผนก ดาต้าฟลักซ์ บริษัท แซส ซอฟท์แวร์ กล่าวว่า ปัจจุบัน “ข้อมูล” ถือเป็นหนึ่งในทรัพย์สินสำคัญขององค์กร และเริ่มมีการเติบโตของข้อมูลอย่างก้าวกระโดดทั่วโลกในหลากหลายธุรกิจและเป็นข้อมูลที่มาจากหลากหลายแพลตฟอร์มทำให้องค์กรต้องเผชิญความซับซ้อนในการบริหารจัดการมาก โดยผลสำรวจจากบริษัทวิจัยไอดีซียังคาดการณ์ว่า ปริมาณข้อมูลจะเพิ่มขึ้น 50 เท่าจากปัจจุบันภายในปี 2563 จากกระแสการใช้ข้อมูลที่หลากหลาย เช่น การทวีตข้อความผ่านไมโครบล็อกกิ้งอย่างทวิตเตอร์ที่สูงถึง 340 ล้านทวีตต่อวัน หรือราว 4,000 ทวีตต่อวินาที หรือแม้แต่จำนวนการซื้อขายผ่านร้านค้าวอลมาร์ทในสหรัฐที่มีราว 1 ล้านทรานเซคชั่นต่อชั่วโมง นายฟิชเชอร์ ระบุว่า ปริมาณข้อมูลที่มหาศาลแม้จะมีระบบช่วยวิเคราะห์แต่หากไม่มีการบริหารจัดการที่ครบถ้วน หรือมีคุณภาพเพียงพอก็อาจทำให้การวิเคราะห์ผลผิดพลาดได้ ทำให้ความต้องการโซลูชั่นสำหรับการบริหารจัดการข้อมูลเริ่มมีความจำเป็นมากขึ้น โดยมีมูลค่าการลงทุนในกลุ่มดาต้า แมเนจเมนท์ทั่วโลกราว 7 พันล้านดอลลาร์ “ยุคนี้เป็นยุคการนำข้อมูลมาขับเคลื่อนธุรกิจ (Data Driven) ที่ต้องตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจได้รวดเร็วต่างจากที่ผ่านมา ที่องค์กรมีเพียงแอพพลิเคชั่น เช่น ซีอาร์เอ็ม หรืออีอาร์พีสำหรับบริหารองค์กรเท่านั้น แต่ข้อมูลจำนวนมาก และการแข่งขันที่รวดเร็วทำให้ธุรกิจจำเป็นต้องใช้ประโยชน์จากข้อมูลทุกมิติเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจ” นายฟิชเชอร์ กล่าว ล่าสุด บริษัทประกาศรวมเป็นส่วนหนึ่งของแซส ตั้งแต่เดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อทำตลาดโซลูชั่นบริหารจัดการข้อมูล (ดาต้า แมเนจเมนท์) ร่วมกับระบบวิเคราะห์ข้อมูล (บิสสิเนส อนาไลติค) นายทวีศักดิ์ แสงทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท แซส ซอฟท์แวร์ (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า หลังรวมกับบริษัทดาต้าฟลักซ์ส่งผลให้ทีมงานทั้งหมดรวมทั้งทีมวิจัย และพัฒนาเข้ามาเป็นอีกหนึ่งกลุ่มธุรกิจของแซส โดยในไทยก็เริ่มมีผู้เชี่ยวชาญจากดาตาฟลักซ์เข้ามาให้ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีการบริหารข้อมูลกับลูกค้าทุกสัปดาห์ ส่วนผลิตภัณฑ์ทั้งหมดจะเปลี่ยนมาใช้ชื่อ “แซส ดาต้าฟลักซ์” ในรูปแบบการทำงานควบคู่กันโซลูชั่นด้านบิสสิเนส อนาไลติคของแซส คาดว่าธุรกิจที่ต้องการใช้โซลูชั่นดังกล่าวจะอยู่ในกลุ่มที่แข่งขันสูง เช่น ธุรกิจสื่อสาร, ธนาคาร, ธุรกิจน้ำมันและบริษัทประกัน