การปรับโครงสร้างโซนี่โมบายล์ครั้งนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดของ”โซนี่อีริกสัน” ซึ่งเป็นแบรนด์ที่โซนี่และอีริกสันเคยร่วมทุนในชื่อบริษัท Sony Ericsson Mobile Communications โดยแผนเลย์ออฟพนักงาน 1,000 คนนี้มีสัดส่วนเท่ากับ 15% คาดว่าพนักงานส่วนใหญ่จะเป็นพนักงานในสำนักงานใหญ่ดั้งเดิมในเมือง Lund ประเทศสวีเดน เบื้องต้นคาดว่าพนักงานกว่า 650 คนในสำนักงานใหญ่เมือง Lund อาจจะได้รับผลกระทบจากแผนปรับโครงสร้างครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม สำนักงานใหญ่ใน Lund จะยังคงดำเนินการต่อไป ท่ามกลางพนักงานกว่า 2,000 คนที่จะดำเนินงานด้านพัฒนาซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชันเช่นเดิม โซนี่โมบายล์กำหนดกรอบเวลาปรับโครงสร้างให้แล้วเสร็จภายในปลายเดือนมีนาคม 2014 เป้าหมายของการปรับลดพนักงานกว่า 15% ในครั้งนี้คือการลดค่าใช้จ่ายให้บริษัทสามารถกลับมาทำกำไรได้มากขึ้น นอกจากปรับโครงสร้าง โซนี่โมบายล์มีแผนดำเนินการเข้าถึงผู้บริโภคด้วยการผนึกธุรกิจอื่นๆที่ประสบความสำเร็จของโซนี่เข้ากับอุปกรณ์สมาร์ทโฟน ทั้งหมดนี้โซนี่เชื่อมั่นว่าสินค้าในเครือโซนี่นี้เองที่จะเป็นจุดแข็งให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดสมาร์ทโฟนได้ ที่ผ่านมา โซนี่อีริกสันหรือที่เปลี่ยนเป็นโซนี่โมบายล์ในขณะนี้ต้องพยายามกู้วิกฤติในตลาดสมาร์ทโฟน ซึ่งคู่แข่งสามารถครองส่วนแบ่งตลาดได้มากกว่า โดยถึงขณะนี้ โซนี่ยังคงเชื่อมั่นว่าสินค้าตระกูลเอ็กซ์เพอเรีย (Xperia) จะไปได้ดีในตลาด พร้อมกับคาดการณ์ว่าเอ็กซ์เพอเรียจะมียอดขายเกิน 12% ของตลาดสินค้าแอนดรอยด์รวม (Android) ยอดขาย 12% นี้ยังถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับยักษ์ใหญ่อย่างซัมซุง (Samsung) ที่การสำรวจล่าสุดพบว่าสามารถครองตลาดได้ถึง 41% ตอกย้ำดีกรีความเป็นอันดับ 1 ของซัมซุงมากขึ้นอีกในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ไม่เพียงโซนี่โมบายล์ บริษัทแม่อย่างโซนี่คอร์ปอเรชัน (Sony Corporation) ก็อยู่ในช่วงฟื้นตัวเช่นกัน โดยล่าสุดโซนี่ใหญ่ประกาศผลขาดทุนสุทธิ 312 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งคาดว่าจะฟื้นตัวในช่วงไตรมาสปัจจุบัน สำหรับโอกาสในการฟื้นตัวของโซนี่โมบายล์ นักสังเกตการณ์ส่วนใหญ่ตั้งตารอว่าโซนี่จะเปิดตัวสินค้าใดในงาน IFA มหกรรมสินค้าคอนซูเมอร์ที่จะจัดขึ้นในกรุงเบอร์ลินช่วงสัปดาห์หน้า ซึ่งจะเป็นหนึ่งในสัญญาณที่ชี้ว่าโซนี่โมบายล์จะกลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้งหรือไม่