มาซากิ โคจิม่า รองประธาน และผู้จัดการทั่วไปอาวุโส กลุ่มธุรกิจดิจิตอลอิมเมจจิ้ง โซนี่ คอร์ปอเรชั่น กล่าวถึงกลยุทธ์การรุกตลาดกล้องดิจิตอลของโซนี่ว่า จากการที่กลุ่มผลิตภัณฑ์ดิจิตอลอิมเมจจิ้งได้ร่วมทำงานกับกลุ่มผลิตภัณฑ์โปรเฟสชันนัลในการออกแบบผลิตภัณฑ์ ทำให้พบว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีอัตราการเติบโตมากที่สุดคือ กล้องในกลุ่มของ DSLR มิร์เรอร์เลส และกล้องคอมแพกต์ระดับไฮเอนด์ ส่วนกล้องคอมแพกต์ และกล้องถ่ายวิดีโอจะเน้นไปที่การรักษาส่วนแบ่งการตลาดไว้ “โซนี่จะเน้นเจาะกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่กำลังมีอัตราการเติบโตสูง ในขณะเดียวกันก็รักษาฐานลูกค้าในกลุ่มที่มีอัตราการเติบโตคงที่ไว้ด้วย” โดยเหตุผลที่ทำให้โซนี่มั่นใจถึงการรุกไปในตลาดที่กำลังมีอัตรการเติบโตอยู่คือ โซนี่เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนสำคัญด้วยตนเองทั้งเซ็นเซอร์รับภาพแบบฟูลเฟรม รวมถึงวัสดุที่ใช้ประกอบในผลิตภัณฑ์อย่างส่วนประกอบเลนส์ AA ช่วยย่อขนาดสินค้าให้เล็กลง แต่มีประสิทธิภาพการทำงานเท่าเดิม อย่างไรก็ตาม นอกจากในตลาดมิร์เรอร์เลสที่โซนี่เคยเป็นผู้นำตลาดในประเทศไทย แต่ถูกผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมในช่วงที่ผ่านมาส่งผลให้มีส่วนแบ่งตลาดลดลงเหลืออยู่ที่ 25% จึงได้เดินเกมเพิ่มไลน์ผลิตภัณฑ์ให้มากขึ้น จากการที่ก่อนหน้านี้ได้เปิดตัว NEX-5R ซึ่งเป็นรุ่นล่าสุดในซีรีส์ 5 เพื่อรักษาฐานลูกค้ามิร์เรอร์เลส และล่าสุดได้มีการเปิดตัว NEX-6 ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น โดยจุดเด่นของทั้งสองรุ่นคือสามารถเชื่อมต่อไวไฟเพื่อแชร์ภาพได้ทันที นายโทรุ ชิมิซี กรรมการผู้จัดการ บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด ให้ข้อมูลถึงภาพรวมตลาดกล้องในแง่ของมูลค่าว่า ปัจจุบันกล้อง DSLR กล้องมิร์เรอร์เลส และกล้องเปลี่ยนเลนส์ได้ชนิดอื่นๆ รวมกันมีมูลค่ามากกว่า 50% แล้ว ทางโซนี่จึงมุ่งเน้นทำตลาดไปที่กลุ่มดังกล่าว มากกว่ากล้องคอมแพกต์ที่ปัจจุบันแม้จะมีจำนวนในตลาดมากกว่า 80% แต่ในแง่มูลค่าแล้วมีอัตราลดลงอย่างต่อเนื่อง “ในตลาด DSLR โซนี่มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 3% และคาดว่าจากการเปิดตัวกล้อง A99 จะช่วยดันส่วนแบ่งตลาดขึ้นไปอยู่ที่ 5% ส่วนในกลุ่มมิร์เรอร์เลสวางเป้าหมายระยะยาวไว้ว่าจะชิงอันดับ 1 กลับมาด้วยส่วนแบ่งมากกว่า 35% ภายในปีหน้า ขณะที่กลุ่มกล้องคอมแพกต์ซึ่งมีส่วนแบ่งราว 18% นั้น จะเน้นไปที่การรักษาส่วนแบ่งดังกล่าว” โทรุกล่าวต่อว่า สำหรับกล้องคอมแพกต์ DSC-RX1 ซึ่งถือเป็นกล้องคอมแพกต์รุ่นแรกของโลกที่มาพร้อมกับเซ็นเซอร์รับภาพแบบฟูลเฟรมในราคา 99,990 บาทนั้น โซนี่ไม่ได้วางเป้าหมายว่าจะต้องจำหน่ายได้ปริมาณมากเท่าใด เพียงแต่เป็นการแสดงนวัตกรรมของโซนี่ออกสู่ตลาด นายภิญโญ สงวนเศรษฐกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาดและจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนซูเมอร์ บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด กล่าวเพิ่มเติมถึงอีก 2 ผลิตภัณฑ์ที่เปิดตัวในประเทศไทยวันนี้ คือกล้อง DSLT อัลฟา A99 ที่ใช้เซ็นเซอร์ฟูลเฟรม ให้ความละเอียดภาพสูงถึง 24.3 ล้านพิกเซล โดดเด่นในแง่ของระบบโฟกัสสองชุด เริ่มจำหน่ายแล้วในราคา 91,900 บาท ส่วน NEX-VG900 กล้องวิดีโอที่ใช้เซ็นเซอร์ฟูลเฟรม ซึ่งสามารถเปลี่ยนเลนส์แบบ E-Mount หรือ A-Mount ได้เริ่มวางจำหน่ายในราคา 109,990 บาท นอกจากนี้ โซนี่ยังมั่นใจว่าจะตอบสนองตลาดในแง่ของเลนส์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้าที่ใช้งานมีตัวเลือกมากขึ้น พร้อมกับการเปิดสถานที่สอนใช้งาน และสอบถามรายละเอียดกล้อง 10 สาขา บริการล้างเลนส์ฟรี และเพิ่มระยะเวลาประกันเป็น 2 ปีสำหรับกล้องที่ใช้เซ็นเซอร์แบบฟูลเฟรม ขณะเดียวกันยังได้มีการรีโนเวตหน้าร้านให้กลายเป็น Alpha Pro Shop และเตรียมเปิดออนไลน์คอมมูนิตี Alpha Cafe ให้ลูกค้าเข้ามาแชร์เทคนิคการถ่ายภาพ แลกเปลี่ยนข้อมูลการใช้งาน จะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ โดยใช้งบโฆษณาประชาสัมพันธ์ กล้องฟูลเฟรมทั้ง 3 รุ่นใหม่ที่เปิดตัวในวันนี้รวม 130 ล้านบาท เปิดตัว NEX-5R กล้องรุ่นใหม่จาก Sony สำหรับรายละเอียดกล้อง Alpha SLT-A99 full-frame Translucent Mirror ถือเป็นกล้อง DSLT ตัวแรกของโลกที่มาพร้อมเซ็นเซอร์ฟูลเฟรม 35mm Exmor CMOS image พร้อมความละเอียดถึง 24.3 ล้านพิกเซล และยังมาพร้อมเทคโนโลยีกระจกสะท้อนภาพแบบ Translucent Mirror นอกจากนี้ α99 ยังมาพร้อมกับระบบออโตโฟกัสแบบ Dual AF System ที่ประสานการทำงานของเซ็นเซอร์ 2 ชุด จึงสามารถจับภาพได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำสูง ยังมีระบบบันทึกวิดีโอคุณภาพสูงแบบ Full HD 1080p ระดับเดียวกับกล้องถ่ายทำภาพยนตร์สำหรับมืออาชีพและกล้องถ่ายวิดีโอระดับไฮเอนด์ และด้วยเทคโนโลยีฟูลเฟรมระดับไฮเดฟินิชัน (50p/25p switchable to 60p/24p) ช่วยให้การถ่ายภาพด้วยระบบออโตโฟกัสแบบต่อเนื่อง บันทึกเสียงคมชัด และเพิ่มคุณสมบัติในการบันทึกด้วย dual media card ทั้งนี้ กล้อง α99 สามารถใช้เลนส์ A-mount เปลี่ยนเลนส์ได้ ภายในชุดมาพร้อมเลนส์ 300mm F2.8 G SSM II (SAL300F28G2) ช่วยให้การถ่ายภาพระยะไกลมีความสว่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น และการออกแบบระบบป้องกันฝุ่นละอองและความชื้นสำหรับการใช้งานนอกสถานที่ เริ่มวางจำหน่ายในเดือนพฤศจิกายน ราคา 91,990 บาท กล้องดิจิตอล Cyber-shot RX1 full-frame compact digital camera ถือเป็นครั้งแรกของไลน์อัพกล้องดิจิตอลคอมแพกต์ที่มาพร้อมเทคโนโลยีฟูลเฟรม ใน Sony Cyber-shot RX1 กล้องขนาดกะทัดรัดที่มาพร้อมเซ็นเซอร์ Exmor CMOS ความละเอียดถึง 24.3 ล้านพิกเซล เทียบเท่ากับฟูลเฟรมในกล้อง DSLR แต่มีขนาดที่เล็กและน้ำหนักที่เบากว่า มาพร้อมกับเลนส์ทางยาวโฟกัสเดียว Carl Zeiss Sonnar T 35mm F2 คุณภาพสูง ให้ทั้งการถ่ายภาพคน ภาพสถานที่ท่องเที่ยว หรือแม้แต่ภาพบรรยากาศตามท้องถนน สวยสมจริงในทุกมุมมอง เหมาะสำหรับนักเดินทางตัวจริง พร้อมวางจำหน่ายกลางเดือนธันวาคม ราคา 99,990 บาท กล้องวิดีโอ Handycam NEX-VG900E full-frame interchangeable lens camcorder กล้องวิดีโอระดับไฮเดฟินิชัน Handycam NEX-VG900E คุณภาพสูง มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ฟูลเฟรม 35mm และสามารถถอดเปลี่ยนเลนส์ได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งเลนส์ E-mount และ A-mount รวมไปถึงเลนส์คุณภาพสูงอย่าง Carl Zeiss เลนส์ จากโซนี่ และด้วยเซ็นเซอร์รับภาพ Exmor CMOS ความละเอียดถึง 24.3 ล้านพิกเซล ทำให้ NEX-VG900E รับภาพคมชัดเต็มตากว่ากล้องวิดีโอธรรมดาถึง 40 เท่า เริ่มวางจำหน่ายในเดือนพฤศจิกายน ราคา 109,990 บาท สุดท้าย NEX-6 กล้องมิร์เรอร์เลสขนาดพกพา พร้อมด้วยเซ็นเซอร์รับภาพ APS-C sized Exmor APS HD CMOS ความละเอียดถึง 16.1 ล้านพิกเซล และหน่วยประมวลผลประสิทธิภาพสูง BIONZ เพื่อภาพสวยคมชัด แม้การถ่ายภาพในที่แสงน้อย ด้วยการตั้งค่าความไวแสงได้สูงถึง ISO 25600 นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับนวัตกรรมกล้องรุ่นล่าสุด เช่นเดียวกับ NEX-5R อย่างระบบออโตโฟกัสที่ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วอย่าง Fast Hybrid AF system ทั้งนี้ กล้อง NEX-6 และกล้อง NEX-5R เป็นกล้องดิจิตอลเปลี่ยนเลนส์ได้ตัวแรกจากโซนี่ที่รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi เพื่อความสะดวกในการแชร์ภาพโปรด หรือเก็บไฟล์ภาพ และยังสามารถส่งไฟล์ภาพหรือไฟล์วิดีโอแบบไร้สายไปยังอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ทั้งสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต นอกจากนี้ ทางโซนี่ยังเตรียมวางจำหน่ายเลนส์ E-Mount เพิ่มเติมอีก 3 รุ่น คือ เลนส์ E 10-18mm F4 OSS, E 35mm F1.8 OSS และ E 16-50mm F3.5-5.6 OSS โดยจะเริ่มทยอยวางจำหน่ายในระหว่างเดือนพฤศจิกายนนี้ ถึงเดือนมกราคม 2556