เมื่อวันที่ 22 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.00 น. นายนพปฎล เดชอุดม หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มด้านการเงิน บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้เดินทางมายื่นเช็คเงินสด (แคชเชียร์เช็ค) จำนวน 5,872,500,000 บาท จากธนาคารไทยพาณิชย์ โดยถือเป็นบริษัทที่ 2 รองจากบริษัทในเครือเอไอเอส ที่นำเงินหลังประมูลใบอนุญาต หรือ ไลเซ่นส์ 3 จี ย่านความถี่ 2.1 กิกะเฮิร์ตซ งวดแรก 50% มายื่นให้สำนักงาน คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. โดยมีนายชาญวุฒิ อำนวยสิน ผู้อำนวยการส่วนการคลัง สำนักงาน กสทช. เป็นตัวแทนรับมอบ ขณะที่ บริษัทในเครือดีแทคยังไม่มา นายนพปฎล กล่าวว่า ขณะนี้ ยังไม่สามารถระบุได้ว่า จะดำเนินการต่ออัตราค่าบริการ 3จี อย่างไร เนื่องจาก ยังไม่ได้รับทราบรายละเอียดจาก กสทช. ซึ่งต้องดูรายละเอียดก่อน แต่เมื่อ กสทช. ได้ตั้งราคาไว้ไม่น้อยกว่า 15-20% ก็ต้องทำตามกฏกติกา ส่วนอัตราขั้นต่ำที่ทรูสามารถดำเนินการได้นั้น โดยไม่ขาดทุน ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายด้าน อาทิ อัตราขั้นต่ำของการให้บริการ เงินการลงทุนในโทรคมนาคม และการลงทุนโครงข่ายที่สามารถรองรับได้ โดยเบื้องต้นใช้งบลงทุนโครงข่าย 3จี จำนวน 2 หมื่นกว่าล้านบาท ส่วนกรณีที่ คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม หรือ กทค. จะตั้งคณะอนุกรรมการฯ ตรวจสอบการประมูล 3จี ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 16 ต.ค. ที่ผ่านมา หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มด้านการเงิน ทรู กล่าวว่า ยินดีให้ตรวจสอบ ส่วนตัวอยู่ในขั้นตอนการประมูลมาโดยตลอด และเชื่อในความโปร่งใสของการประมูลเมื่อวันที่ 16 ต.ค. และต้องการใบอนุญาต 3จี อย่างเร็วที่สุด ต่อข้อถาม เทคนิคการเคาะเพิ่มราคาประมูลเมื่อครั้งที่ผ่าน หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มด้านการเงิน ทรู กล่าวว่า ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด เพราะต้องรอให้บอร์ด กทค.ตรวจสอบก่อน นายนพปฎล กล่าวอีกว่า ในระยะเวลาการถือครองไลเซ่นส์ 15 ปี คาดว่าจะใช้เวลาคืนทุนได้ภายใน 5 ปี เนื่องจากธุรกิจมือถือก่อนหน้านี้ใช้เวลาคืนทุนกว่า 7 ปี ขณะที่บริษัทอยู่ในธุรกิจโทรคมนาคมมากว่า 10 ปี มีลูกค้าประมาณ 19-20 ล้านคน.