สวัสดีคอไอที และชาวโซเชียลทุกคน วันนี้เรามีข่าวสำคัญจะแจ้งให้ได้ทราบว่า ล่าสุด Twitter กำลังพัฒนาฟีเชอร์ใหม่ “Collaborations” ที่ให้ผู้ใช้งาน ทวีตข้อความร่วมกันได้แล้ว ใครสนใจก็ตามมาดูรายละเอียดที่ด้านล่างนี้กันได้เลย
สรุปข้อมูลและรายละเอียดที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ได้ดังนี้
- เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว Instagram ได้เปิดตัวฟีเชอร์ใหม่ ที่อนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถเชิญผู้อื่นให้สร้างโพสต์บนหน้าฟีด หรือสร้าง Reels ด้วยกันได้ โดยคอนเทนต์นั้นๆ จะปรากฎอย่างชัดเจนว่า มีใครบ้าง ที่เป็นคนที่ร่วมกันสร้างคอนเทนต์นี้ขึ้นมา
- ล่าสุด Twitter ก็อยู่ระหว่างการพัฒนาฟีเชอร์ที่มีลักษณะคล้าย ๆ กัน ก็คือ “Collaborations” ที่จะอนุญาตให้ผู้ใช้งานหลาย ๆ คนมาร่วมกันทวีตข้อความได้
- ซึ่งฟีเชอร์นี้จะเป็นประโยชน์ต่อการทำธุรกิจ เช่น พาร์ตเนอร์และแบรนด์ที่จะสามารถโปรโมตสินค้าบนแพลตฟอร์มร่วมกันได้ เหมือนอย่าง Instagram นั่นเอง
- อย่างไรก็ดี ฟีเชอร์นี้ยังอยู่ระหว่างการพัฒนา และยังไม่เปิดให้ผู้ใช้งานทั่ว ๆ ไปได้ทดลองใช้กัน สำหรับฟีเชอร์ Collaborations ถูกค้นพบว่า Twitter แอบซุ่มพัฒนาตั้งแต่เดือนธันวาคม ปีที่ผ่านมา
- โดย Alessandro Paluzzi นักพัฒนาและนักวิศกรเป็นผู้ค้นพบ และออกมาเผยแพร่ข้อมูล และเมื่อต้นปีที่ผ่านมา Alessandro Paluzzi ออกมาทวีตรูปภาพ แสดงให้เห็นว่าเมื่อมีการทวีตร่วมกัน หน้าตาของโพสต์นั้น ๆ จะออกมาเป็นอย่างไร
- ซึ่งหน้าตาของมันก็จะเหมือนโพสต์ทั่ว ๆ ไป เพียงแต่จะระบุอย่างชัดเจนว่า โพสต์นี้ มีใครเป็นผู้ร่วมเขียนบ้าง
- ขณะที่ Alessandro Paluzzi ก็ออกมาทวีตรูปภาพเพิ่มเติม แสดงให้เห็นว่าฟีเชอร์นี้ ไม่ใช่เพียงแค่แท็กชื่อกันและกัน แต่ยังมีขั้นตอนมากกว่านั้นก็คือ การจะ Collabs กันได้ ต้องมีการส่งคำขอ และมีการตอบรับคำขอซึ่งกันและกันก่อน
- โดยเงื่อนไขคือ การส่งคำขอให้มาร่วม Collabs จะส่งคำขอได้เฉพาะกับคนที่เปิดแอ็กเคานต์แบบสาธารณะเท่านั้น
การที่ Twitter กำลังพัฒนาฟีเชอร์ใหม่ ๆ อย่างฟีเชอร์ Collaborations อาจบ่งบอกได้ส่วนหนึ่งว่า Twitter กำลังวางแผนที่จะให้แพลตฟอร์มสามารถใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่าง ๆ ได้มากขึ้น มากกว่าแค่การเป็นโซเชียลมีเดียสำหรับการโพสต์ข้อความรวมถึงเพิ่มความมีส่วนร่วมกันระหว่างผู้ใช้งานหรือแบรนด์ และเปิดช่องทางในการหารายได้ในรูปแบบใหม่ ๆ เหมือนอย่างฟีเชอร์ Super Follows ที่ให้สิทธิ์กับผู้ใช้บางราย สามารถการสร้างรายได้จากผู้ติดตามของตัวเอง แลกกับการเข้าถึงคอนเทนต์ที่พิเศษกว่าผู้ใช้งานทั่ว ๆ ไป ขณะเดียวกัน Twitter ก็ได้รับเงินส่วนแบ่ง จากค่าสมัครสมาชิกด้วยเช่นกัน