“ซาโลร่า” จับจริตขาชอป เสิร์ฟสินค้าแฟชั่นเสื้อผ้ารองเท้ากว่า 500 แบรนด์ผ่านเว็บไซต์ ยึดแนวคิดถูกกว่า สะดวก ปลอดภัย พร้อมรับคืนสินค้าภายใน 30 วัน ตั้งเป้าภายใน 1 ปียอดสั่งซื้อเกิน 10,000 ชิ้นต่อวัน หลังอัตราการเติบโตช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาโต 25% ทุกสัปดาห์ นายเจอร์รี่ อีเดล กรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ซาโลร่า (ประเทศไทย) จำกัด ให้ข้อมูลถึงซาโลร่า (www.zalora.co.th) เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่เน้นจำหน่ายสินค้าแฟชั่นเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า และเครื่องประดับ ที่เปิดให้บริการในประเทศไทยตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมาว่า ได้รับการตอบรับจากผู้ใช้งานในประเทศไทยค่อนข้างดี ด้วยอัตราการเติบโตต่อเนื่องสัปดาห์ละ 25% ซึ่งจากอัตราการเติบโตดังกล่าวทำให้เชื่อได้ว่าภายในอีก 1 ปีข้างหน้าจำนวนยอดการสั่งซื้อสินค้าต่อวันน่าจะเกิน 10,000 ชิ้น จากปัจจุบันอยู่ที่ราว 1,000 ชิ้นต่อวัน โดยสัดส่วนการซื้อระหว่างผู้หญิงกับผู้ชายอยู่ที่ 65% ต่อ 35% ขณะที่กำลังซื้อจากกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดมีสัดส่วนเท่ากันที่ 50% “ซาโลร่าช่วยให้ลูกค้าที่ต้องการซื้อสินค้าแฟชั่นในต่างจังหวัดเข้าถึงได้ง่ายขึ้นจากการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ ทำให้เชื่อว่าความนิยมในต่างจังหวัดจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง” โดยจุดที่ซาโลร่าแตกต่างจากเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซรายอื่นๆ คือ การจับตลาดเฉพาะกลุ่มลูกค้าแฟชั่น ด้วยสินค้าแฟชั่นจากแบรนด์ชั้นนำกว่า 500 แบรนด์ 40,000 ชิ้น และมีแนวโน้มจะเพิ่มเป็น 1,000 แบรนด์ภายในสิ้นปีนี้ และยังเตรียมที่จะต่อยอดไปยังหมวดสินค้าประเภทอื่นๆ ตามความต้องการของผู้บริโภคในอนาคต นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นหลักอยู่ที่ราคาสินค้าถูกกว่าท้องตลาดราว 10-20% ไม่นับรวมกับการจัดโปรโมชันตลอดทั้งเดือน และยังมีการจัดส่งฟรีภายใน 3 วัน มีสินค้าให้เลือกหลากหลาย เข้าใช้งานได้ทุกที่ที่มีอินเทอร์เน็ต สามารถจ่ายเงินปลายทางที่รับสินค้า และกรณีที่ไม่พอใจคืนเงินเต็มจำนวนภายใน 30 วัน ขณะเดียวกันยังเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการสินค้าแฟชั่นไทยสามารถเข้าร่วมกับเว็บไซต์ซาโลร่าเพื่อนำสินค้าเข้าไปวางจำหน่ายได้ และยังสามารถช่วยกระจายสินค้าไปยังตลาดต่างประเทศจากเว็บไซต์ในเครือของร็อกเกต อินเทอร์เน็ตด้วย ตลาดอีคอมเมิร์ซ และชอปปิงออนไลน์ของไทยยังหอมหวาน!! หลังต่างชาติเข้ามาบุกตลาดทำธุรกิจซื้อ-ขายออนไลน์อย่างต่อเนื่องรับกระแส ชอปปิงออนไลน์โต หนึ่งในนั้นก็คือ “ร็อกเกต อินเทอร์เน็ต” ยักษ์อีคอมเมิร์ซและธุรกิจออนไลน์จากยุโรป ที่ได้เข้ามาเปิดเว็บไซต์ชอปปิงออนไลน์ระดับโลกอย่าง www.zalora.co.th ในประเทศไทยตั้งแต่เดือน มี.ค.ที่ผ่านมา นายปีเตอร์ โคพิทซ์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ซาโลร่า (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ร็อกเกต อินเทอร์เน็ต ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ.2008 ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซ คือเว็บไซต์ชอปปิงออนไลน์ชื่อดังอย่าง ซาแลนโด้ (zalando) ในยุโรป ก่อนขยายไปยังบราซิลในชื่อ ดาฟีตี้ (Dafiti) และรัสเซียในชื่อ ลาโมด้า (Lamoda) จนถึงปัจจุบันมีบริษัทในเครือกว่า 100 บริษัท ใน 46 ประเทศทั่วโลก มีพนักงานมากกว่า 1 หมื่นคน จากนั้นในปี ค.ศ. 2011 จึงได้เริ่มขยายธุรกิจเข้ามาในเอเชียในชื่อ ซาโลร่า (zalora) เป็นเว็บไซต์ชอปปิงสินค้าแฟชั่นออนไลน์ จนปัจจุบันเปิดบริการแล้ว ใน 8 ประเทศ คือ สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน อินโดนีเซีย ฮ่องกง เวียดนาม และไทย การเข้ามาดำเนินธุรกิจในไทยนั้น นายเจอร์รี่ อีเดล กรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด บอกว่า ไทยถือเป็นเป้าหมายสำคัญในการขยายธุรกิจ ด้วยจำนวนประชากร และวงการแฟชั่นของไทยมีความล้ำหน้ากว่าประเทศอื่น ๆ และการบริโภคแฟชั่นของคนไทยสูงกว่าประเทศอื่น ๆ ในแถบเอเชีย โดยคาดว่าตลาดรวมของชอปปิงออนไลน์ของไทยในปีนี้จะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 4 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันเว็บไซต์ซาโลร่ามีสินค้าแฟชั่นทั้งแบรนด์ไทยและต่างประเทศจำนวน 515 แบรนด์ มีสินค้ามากกว่า 4 หมื่นรายการ ราคาตั้งแต่ 60 บาทจนถึงหมื่นกว่าบาท ซึ่งจะถูกว่าในห้างสรรพสินค้าเฉลี่ย 10-30% ครอบคลุมทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องสำอาง ทั้งของผู้หญิง ผู้ชาย และเด็ก โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือชายหญิง อายุตั้งแต่ 18-35 ปี ที่ชื่นชอบแฟชั่น และใช้อินเทอร์เน็ตในชีวิตประจำวัน อย่างไรก็ตามเมื่อมีผู้ประกอบธุรกิจหลายราย แน่นอนว่าการแข่งขันย่อมสูงตาม จะอยู่ได้ต้องสร้างความแตกต่าง ซึ่งในเรื่องนี้ นายเมธิศร์ มุกดาสิริ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการเงินและบริการลูกค้า บอกถึงความแตกต่างของซาโลร่ากับคู่แข่งว่า ก่อนเข้ามาดำเนินธุรกิจได้ศึกษาพฤติกรรมการชอปปิงของคนไทยพบว่า ชอบเดินห้างสรรพสินค้า และต้องเห็นของก่อนจะจ่ายเงิน ทางบริษัทจึงหาวิธีเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้คนไทยหันมาชอปปิงออนไลน์มาก ขึ้นด้วยการสร้างจุดที่แตกต่างจากคู่แข่ง ทั้งการมีสินค้าให้เลือกมากมายทั้งไทยแบรนด์ เอเชียแบรนด์ และอินเตอร์แบรนด์ รวมถึงสินค้าเอ็กซคลูทีฟ แบรนด์ ที่หาซื้อไม่ได้ในไทย และเปิดรับคู่ค้าสินค้าทั้งของไทยและต่างประเทศ โดยไม่มีการคิดค่าธรรมเนียมแรกเข้าและจากยอดขาย ขณะที่ซาโลร่าจะช่วยทำตลาดให้ รวมถึงช่องทางขายในต่างประเทศ โดยปัจจุบันตลาดเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของไทยมีมูลค่า 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ส่วนรองเท้าอยู่ที่ 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี มีอัตราการเติบโตประมาณ 15-20% ต่อปี “จุดเด่นของซาโลร่า คือสินค้าราคาถูกกว่าในห้างสรรพสินค้า เว็บไซต์เป็นภาษาไทย แสดงสินค้าให้ดูหลายมุมมอง มีการเทียบขนาดสินค้าให้เห็นบนเว็บไซต์ สามารถชอปปิงได้ทุกที่ทุกเวลา มีการจัดโปรโมชั่นทุกวันต่อเนื่อง และส่งสินค้าฟรีทั่วประเทศ ได้รับของภายใน 1-3 วัน เช็กสถานะการส่งของได้ และที่สำคัญหากลูกค้าไม่พอใจในสินค้าสามารถคืนเงินเต็มจำนวนได้ภายใน 30 วัน โดยไม่คิดค่าส่ง นอกจากนี้การชำระเงินนอกเหนือการจ่ายผ่านเพย์พาล (paypal) บัตรเครดิตและธนาคารออนไลน์ ยังได้เปิดบริการ แคช เดลิเวอรี่ ให้ลูกค้าจ่ายเงินปลายทางเมื่อได้เห็นและพอใจในสินค้าแล้ว นายเจอร์รี่กล่าวเสริมว่า หลังเปิดให้บริการมาเกือบ 6 เดือนถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมากมียอดสั่งซื้อ (ออร์เดอร์) เฉลี่ยประมาณ 1,000 ออร์เดอร์ต่อวัน และมีการเติบโต 20% ในทุกสัปดาห์ มีคนเข้าชมเว็บไซต์มากกว่า 7 หมื่นคนต่อวัน และมียอดสมาชิกที่ลงทะเบียนในเว็บไซต์จำนวน 8 หมื่นราย เมื่อถึงช่วงกลางปี 2556 ตั้งเป้าหมายมียอดสั่งซื้อเพิ่มขึ้นเป็น 1 หมื่นออร์เดอร์ต่อวัน และมีจำนวนสมาชิกไม่น้อยกว่า 2.5 แสนราย และจะเพิ่มสินค้าให้มีมากกว่า 1 แสนรายการ เพิ่มแบรนด์สินค้าใหม่ ๆ และขยายไลน์สินค้าไปยังอุปกรณ์เกี่ยวกับบ้านและที่อยู่อาศัย และอุปกรณ์สื่อสารไอที “สิ่งที่พบใน 6 เดือนที่ผ่านมา คือ ผู้ชายไทยซื้อสินค้ามีมูลค่าที่สูงกว่าผู้หญิง ขณะที่ผู้หญิงจะซื้อสินค้าบ่อยครั้งกว่า บริษัทจึงมีแผนทำให้ซาโลร่า เป็นที่รู้จักในไทยมากขึ้นด้วยการโฆษณาผ่านสื่อต่าง ๆ ทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ เพื่อผลักดันยอดสั่งซื้อสินค้าให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้” นายเจอร์รี่ กล่าวทิ้งท้าย.