Zero Party Data (ข้อมูลฝ่ายที่หนึ่งที่ได้รับความยินยอม) เป็นข้อมูลที่ผู้ใช้ให้ใจจากลูกค้าหรือผู้ใช้เอง โดยโดยตรงและชัดเจนว่าต้องการแชร์กับองค์กรหรือธุรกิจในเชิงพาณิชย์ในช่วงเวลาที่กำหนด ซึ่งผู้ใช้มีควบคุมในการส่งข้อมูลนั้นให้กับองค์กร ซึ่งสิทธิ์ในการใช้งานข้อมูลนี้มากกว่าข้อมูลฝ่ายที่หนึ่ง (First Party Data) ซึ่งแทบจะมาจากข้อมูลการเยี่ยมชมเว็บไซต์ การใช้แอปพลิเคชัน การทำธุรกรรมหรือการกระทำที่เกิดขึ้นบนแพลตฟอร์มหรือแอปพลิเคชันของธุรกิจเอง ซึ่งมีระดับความเชื่อถือที่สูงกว่าข้อมูลที่มาจากแหล่งอื่นๆ
First Party Data (ข้อมูลฝ่ายที่หนึ่ง) คือข้อมูลที่องค์กรหรือธุรกิจสะสมจากกิจกรรมและประสบการณ์ของลูกค้าของตัวเอง ซึ่งมาจากแหล่งข้อมูลที่ธุรกิจควบคุมได้ เช่น ข้อมูลจากเว็บไซต์ของธุรกิจ, แอปพลิเคชันที่เป็นของธุรกิจ, การทำธุรกรรม, และข้อมูลอื่นๆ ที่ผู้ใช้หรือลูกค้าเสียใจแบ่งปันให้กับธุรกิจนั้นๆ
ความแตกต่างระหว่าง Zero Party Data และ First Party Data คือ:
- แหล่งข้อมูล: Zero Party Data มาจากการสำรวจข้อมูลที่เกิดขึ้นโดยตรงจากผู้ใช้เอง ในขณะที่ First Party Data มาจากการสะสมข้อมูลจากกิจกรรมของลูกค้าที่เกิดขึ้นบนแพลตฟอร์มหรือแอปพลิเคชันของธุรกิจ
- การควบคุม: Zero Party Data ผู้ใช้มีควบคุมในการให้ข้อมูลและสามารถกำหนดว่าจะให้ข้อมูลนั้นใช้เพื่อวัตถุประสงค์อะไร ในขณะที่ First Party Data ข้อมูลถูกสะสมไว้โดยองค์กรและสามารถใช้ในวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันไปตามความเหมาะสมขององค์กร
- ระดับความเชื่อถือ: Zero Party Data มาจากการเก็บข้อมูลที่ผู้ใช้เองสามารถกำหนดการใช้งานได้ ดังนั้นความเชื่อถือในข้อมูลนี้มีระดับสูง ในขณะที่ First Party Data ถึงแม้จะมาจากกิจกรรมของลูกค้าโดยตรง แต่ผู้ใช้ยังคงต้องเชื่อถือในองค์กรที่จัดเก็บข้อมูลนี้ว่าจะใช้ในลักษณะที่เหมาะสมและปฏิบัติตามกฎหมายและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง
การเก็บรวบรวม Zero Party Data นั้นสามารถช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างเข้มข้นขึ้นและช่วยให้สร้างประสบการณ์ที่ปรับแต่งให้เหมาะสมแก่ลูกค้าได้มากขึ้นด้วย การให้ความสำคัญในการควบคุมข้อมูลของผู้ใช้ให้กับผู้ใช้เองย่อมเป็นประโยชน์ในการสร้างความไว้วางใจและความสัมพันธ์ที่ยากจะแทนที่ได้ด้วยธุรกิจอื่นๆ ในที่สุดเมื่อมีความไว้วางใจมากขึ้น สิ่งนี้อาจช่วยในการสร้างความเชื่อถือที่เกิดขึ้นในการทำธุรกิจระยะยาว และส่งผลให้ลูกค้าเข้าใจและตระหนักถึงวัตถุประสงค์และข้อเสนอที่เกี่ยวข้องขององค์กรนั้นๆ อีกด้วย
ข้อดีและข้อเสียของการใช้งาน Zero Party Data
การใช้งาน Zero Party Data มีข้อดีและข้อเสียดังนี้:
ข้อดีของ Zero Party Data:
- ความน่าเชื่อถือ: ข้อมูลนี้มาจากการให้ความยินยอมโดยตรงจากผู้ใช้เอง ซึ่งทำให้เกิดความน่าเชื่อถือสูงกว่าข้อมูลอื่นๆ เช่น Third Party Data (ข้อมูลฝ่ายที่สามที่มาจากแหล่งอื่น) และ Second Party Data (ข้อมูลฝ่ายที่สองที่มาจากองค์กรอื่น)
- ความสอดคล้องกับความต้องการ: Zero Party Data ช่วยให้ธุรกิจเข้าใจความต้องการและความชื่นชอบของลูกค้าอย่างใกล้ชิด และสามารถปรับแต่งประสบการณ์ให้เหมาะสมกับผู้ใช้ได้
- การวางแผนและการตลาดที่ดีขึ้น: การมีข้อมูล Zero Party Data ช่วยให้ธุรกิจสามารถวางแผนและการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยสามารถให้ข้อเสนอและโปรโมชั่นที่เข้ากับผู้ใช้เป้าหมายได้
- ข้อมูลที่กว้างขึ้น: ผู้ใช้มีสิทธิ์ในการเลือกและให้ข้อมูลตามที่ต้องการ ซึ่งทำให้ธุรกิจสามารถขอข้อมูลที่หลากหลายและเป็นประโยชน์ในการวิเคราะห์และตัดสินใจทางธุรกิจได้
ข้อเสียของ Zero Party Data:
- ความซับซ้อนในการเก็บรวบรวม: การเก็บรวบรวมข้อมูล Zero Party Data อาจจะซับซ้อนและต้องมีกระบวนการในการขอความยินยอมและการจัดการข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง
- การจัดการความเป็นส่วนตัว: ข้อมูล Zero Party Data เป็นข้อมูลที่สำคัญและเป็นส่วนตัว การใช้งานข้อมูลนี้ต้องได้รับความเป็นส่วนตัวและความน่าเชื่อถือจากลูกค้า ซึ่งอาจสร้างความเปลี่ยนแปลงในการเก็บรักษาข้อมูลและนโยบายความเป็นส่วนตัว
- ความเชื่อมั่นในการสะสมข้อมูล: แม้ข้อมูล Zero Party Data จะมาจากความยินยอมโดยตรง แต่การตัดสินใจของลูกค้าในการให้ข้อมูลอาจเปลี่ยนแปลงได้ ทำให้มีความไม่แน่นอนในการสะสมข้อมูลในระยะยาว
- ความรักษาความซับซ้อน: การดูแลรักษาข้อมูล Zero Party Data ให้คงความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวอาจต้องการการลงทุนในเทคโนโลยีและการรักษาความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น
ในสรุป การใช้งาน Zero Party Data เป็นอย่างมีความสำคัญในการเสริมสร้างความไว้วางใจกับลูกค้าและสร้างประสบการณ์ที่กำหนดเองสำหรับลูกค้า อย่างไรก็ตาม การใช้ข้อมูลที่เป็นส่วนตัวนี้ย่อมต้องดำเนินการอย่างระมัดระวังเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายและความเป็นส่วนตัวของลูกค้าด้วยความสำคัญ
ความแตกต่างระหว่าง Zero Party Data, Frist Party Data, Second Party Data และ Third Party Data
ปกติแล้วเรามักจะพูดถึง Frist Party Data และ Third Party Data กัน ผมพามาทำความรู้จักเกี่ยวกับ Zero Party Data เพิ่มเติมกันสักหน่อย
ผมยกตัวอย่างให้เห็นได้ชัดแบบง่ายๆ ของ Zero Party Data, Frist Party Data, Second Party Data และ Third Party Data ในตัวอย่างดังนี้:
- Zero Party Data: รองเท้าออกกำลังกายที่คุณชอบ ที่คุณเคยทำแบบสำรวจไปก่อนหน้ากับทางเว็บไซต์ของเรา ลดราคาแล้วนะ!
- Frist Party Data: รองเท้าออกกำลังกายที่คุณเคย Search จากเว็บของเราหาเมื่อเดือนที่แล้วลดราคาแล้ว!
- Second Party Data: ฉันได้ยินมาว่าคุณเป็นสมาชิกยิมใหม่กับทางยิมเพื่อออกกำลังกาย ไม่แน่ใจว่าคุณต้องการรองเท้าหรือไม่?
- Third Party Data: บางทีคุณอาจจะไม่ได้ข้ามขีดจำกัดของตัวเองด้วยการออกไปออกกำลังกาย ถ้าคุณมีรองเท้าคู่ใหม่อาจจะช่วยได้