พอดีผมไปเจอการทำการตลาดออกแนวบังคับด้วยความเกรงใจมาเล่าให้ฟังครับ ซึ่งหลายท่านอาจจะเคยเจอและร้องอ๋อ.. เมื่อผมเล่าว่ามันคือการตลาดแบบไหน และสำหรับหลายท่านไม่เคยเจอก็อยากให้ลองพิจารณาไปอ่านกันดูนะครับเพื่อจะได้ใช้สำหรับเป็นแนวทางในการป้องกันตัวเองจากพวกใช้การตลาดเสื่อมๆแบบนี้
ไม่รู้ว่าชาวไอทีเมามันส์เดินห้างสรรพสินค้ากันบ่อยแค่ไหน แต่ผมเป็นคนที่ไปบ่อยด้วยอาชีพที่ทำอยู่ทำให้ต้องไปหาซื้อของในห้างบ่อยๆ ทำให้มีความหลากหลายที่จะได้พอปะกับผู้คนที่ได้ไปห้างเช่นกัน และล่าสุดผมไปเจอเรื่องที่คิดว่าควรนำมาเล่าต่อนั้นคือการใช้ความเกรงใจของคนไทยเรามาทำการตลาด ผมขอแยกเป็นหัวข้อดังนี้ครับ
เข้าไปทักอย่างสุภาพ..แล้วลากไปกินให้เรียบ
เมื่อไปถึงห้างคุณมากพบและเชื่อว่าหลายคนได้พบแน่นอนนั้นคือ เหล่าบรรดาหน่วยงานรับบริจาค สถาบันเสริมความงาม หรือเปิดตัวสินค้าอะไรซักอย่างมันจะมาตั้งออกโต๊ะ ตรงทางเดินที่ลูกค้าผ่านเยอะๆ แล้ววิธีการง่ายๆที่เขาทำคือเข้าไปทักกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอย่างเราๆที่เดินผ่านเพื่อที่จะหาช่องโหว่ หรือใช้ความเกรงใจในการขายสินค้าหรือบริการ ยกตัวอย่างที่เจอมาเช่น พวกเครื่องสำอางจะเข้ามาถามว่าตรวจหน้าไหมค่ะ พรี! และถ้าเราหลงเข้าไปตรวจก็จะพบว่าหน้าของคุณนั้นมีปัญหาทันทีครับ และต้องตามมาด้วยคุณลองซื้อผลิตภัณฑ์ที่เขาขายไปใช้ไหม จะทำให้แก้ปัญหาที่เพิ่งตรวจเจอมาเมื่อตะกี้นั้นเอง หรืออาจจะเป็นคุณพี่ค่ะ รบกวนเวลาเล็กน้อยหนูมาจากหน่วยงานอะไรซักอย่างต้องการให้ช่วยบริจาคโน้นนี่นั้นก็ว่ากันไป ซึ่งบางคนก็ผิดพลาดมานักต่อนักแล้วกับการโดนลากไปกินแบบนี้
จู่โจมอย่าให้ได้พัก!
อันนี้..เพิ่มเจอมาสดๆร้อนๆกับตัว เนื่องจากผมทำวิจัยอยู่ทำให้ใครที่เข้ามาทักก็คิดว่าอาจจะต้องการความช่วยเหลือด้วยงานวิจัย เช่น ต้องการสัมภาษณ์เกี่ยวกับแบบสอบถาม และไอ้นี้เหละคือจุดบอดที่โดนเอาไปใช้การตลาดได้ เพราะล่าสุดที่เจอมา ผมนั่งพักอยู่ที่โซนเก้าอี้นั่งพักภายในห้างแห่งหนึ่ง จู่ๆก็มีผู้หญิงผู้ชายเดินมาสองท่านเข้ามาทักและบอกว่าพอจะมีเวลาให้สัมภาษณ์หน่อยไหมครับ ผมเองก็คิดว่าเป็นนักศึกษาเก็บข้อมูลงานวิจัย โดยผมก็ถามกลับไปว่าคุณมาจากหน่วยงานไหน กลุ่มพวกนี้เขาก็จะค่อยข้างเตรียมตัวมาอย่างดีเพราะมีการตอบกลับมาว่าเป็นกลุ่มนักศึกษารวมตัวกัน แอบเอ๊ะใจแล้วแต่ลองให้ถามต่อ เหล่าพวกนี้ก็จะทำตีสนิทถามชื่อถามสถาบันการศึกษาที่เราจบมา แล้วก็เริ่มเข้าเรื่องด้วยการแนะนำองค์กรอะไรที่เราไม่เคยรู้จักหรอกครับ แต่เป็นเกี่ยวกับช่วยเหลือสังคมแล้วก็เหล่าไปมา และถามเรากลับมาว่าเคยบริจาคที่ไหนมาบ้างไหม? ถ้าอยากจะบริจาคจะเลือกหน่วยงานแบบไหน เช่น การศึกษาเด็ก โรงพยาบาล คนตาบอด อะไรประมาณนี้รับ และก็ยื่นข้อเสนอมาดื้อว่า ไม่ได้ต้องการที่จะเรี่ยไรแต่อย่างใดแต่อยากให้ผมช่วยอุดหนุนเป็นเหมือนมินิบุ๊ค หรือแคตตาล็อกสินค้าอะไรซักอย่าง และด้านในมีบัตรส่วนลดให้ถ้าเราไปตามในแคตตาล็อกสินค้านั้น ถึงตอนนี้ที่เขาเฉลยมาบอกตามตรงครับเสียความรู้สึกที่นั่งฟังมาครับ และนี้เป็นการเอาความเกรงใจมาเล่นแบบผิดๆอีกเช่นกัน
โทรมาบอกรักหรือบอกเลิก..
หลายคนที่ใช้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด หรือแม้กระทั่งเว็บสมัครงานก็ยังมีด้วยสำหรับการตลาดแบบนี้นะ นั้นคือข้อมูลของเราจะโดนขายไปให้กับบริษัทอื่นๆ หรืออาจจะโดนอ้างว่าเป็นบริษัทในเครือก็ตาม ดังนั้น ซึ่งหลายคนจะเจอบ่อยนะครับ เหมือนผมมีบัตรเครดิตหลายใบ ต้องบอกว่ามีโทรมาแทบทุกวัน หลักการง่ายๆเวลาโดนโทรมาก็มักจะบอกว่าติดต่อมาจากบัตรเครดิตที่เราถืออยู่ และบอกต่อว่าจะประชาสัมพันธ์โครงการอะไรบ้าง ไม่ก็แนะนำบัตรเสริมบ้าง ซึ่งแล้วแต่มุกที่จะงัดมาใช้ ถ้าใครรับสายแล้วด้วยความเกรงใจก็จะไม่อยากเสียมารยาท และนี้คือจุดอ่อนที่ได้ถูกนำเอามาเล่นอยู่นั้นเอง ใครที่รับสายผมแนะนำให้ปฏิเสธไปเลยครับอย่างไปเกรงใจ แม้เราจะมีมารยาทก็คิดเสียว่าเราเสียมารยาทที่เอาข้อมูลเราไปครับ หรือถ้าใครที่เบื่อหน่ายเต็มทีสำหรับการโทรเข้ามานั้นมีวิธีการบล็อกเบอร์พวกขายสินค้าผ่านมือถือเหล่านี้ โดยติดตั้งแอพพลิเคชั่น Whoscall Apps ซึ่งจะช่วยคุณให้สายที่โทรเข้ามาปลอดภัยขึ้นเยอะเลยครับ ลองหามาเล่นกันดู
หลังจากอ่านไปน่าจะพอจะมีข้อมูลสำหรับเตรียมตัวเองและระงับความเกรงใจกับบ้างแล้วใช่ไหมครับชาวไอทีเมามันส์ ผมเป็นนักการตลาดออนไลน์และอยากจะเปิดแง่มุมที่มันไม่ควรที่จะเอามาใช้ สำหรับหน่วยงานไหนที่ใช้อยู่ก็ลองคิดดูบ้างนะครับว่ามันน่ารำคาญหรือนี่เป็นช่วงทางที่ทำให้ธุรกิจหรือองค์กรของคุณประสบความสำเร็จได้จริงๆหรือ? ฝากได้แค่นี้ครับ