สวัสดีเพื่อนๆ คอจีนทุกคน วันนี้เรามีข่าวใหญ่จะมาแจ้งให้ทราบว่า ล่าสุดจีนประกาศค้นพบแหล่งแร่ยูเรเนียมปริมาณมหาศาลบนแผ่นดินที่ความลึกไม่มาก ซึ่งสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งด้านความเป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์ของจีนขึ้นไปอีก ซึ่งรายละเอียดเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร ตามมาดูกันเลย
สรุปข้อมูลและรายละเอียดที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ได้ดังนี้
- เร็วๆ นี้ สำนักข่าว South China Morning Post รายงานว่า นักวิจัยของจีนค้นพบแร่ยูเรเนียมฝังอยู่ใต้พื้นโลกลึกลงไปไม่กี่เมตร โดยยูเรเนียมเป็นโลหะสีขาวเงินที่เป็นธาตุกัมมันตรังสี ซึ่งใช้ในการประกอบเชื้อเพลิงนิวเคลียร์
- โดยการสำรวจในครั้งนี้ ถูกค้นพบที่เมืองเสากวน อำเภอหัวเหริน มณฑลกวางตุ้ง ในระดับความลึกที่น้อยมาก คือ 950 เมตรเท่านั้น และใช้เทคโนโลยีและอุปกรณ์ทันสมัยในการสำรวจและขุดลึกลงไปอีก 3,000 เมตร ซึ่งคิดเป็น 6 เท่าของเหมืองยูเรเนียมเดิมในประเทศจีน
- การค้นพบในครั้งนี้จะทำให้จีนกลายเป็นมหาอำนาจผู้ครองแร่ยูเรเนียมคนใหม่ เทียบเท่าออสเตรเลีย ซึ่งเป็นมือ 1 ด้านยูเรเนียมของโลกในปัจจุบัน
- การค้นพบแร่ยูเรเนียมในระดับความลึกที่ต่ำมากนี้สวนทางกับความเข้าใจก่อนหน้านี้ว่า แร่ยูเรเนียมต้องอยู่ใต้ดินลึกลงไปอย่างมาก จนกระทั่งครั้งนี้ที่พบในระดับความลึกต่ำที่คาดไม่ถึง
- ปัจจุบันความต้องการยูเรเนียมในประเทศจีนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จากการใช้พลังงานนิวเคลียร์มากกว่าประเทศอื่นๆในโลก ซึ่งตอนนี้จีนสร้างเตาปฏิกรณ์มากถึง 7-8 เตาต่อปี และนักวิจัยจีนได้พัฒนาเทคโนโลยีสุดล้ำและเครื่องมือที่ช่วยในการตามหาแร่ยูเรเนียมในหลายทศวรรษที่ผ่านมา
- นอกจากนี้ ยูเรเนียมยังมีบทบาทสำคัญในการเป็นอาวุธทำลายล้างอานุภาพสูงแก่กองทัพจีน และได้ขยายตัวอย่างเห็นได้ชัด หลังจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐอเมริกาและชาติตะวันตก กับโลกตะวันออก
- อย่างไรก็ตาม เหมืองยูเรเนียมในประเทศจีนยังเป็นเหมืองขนาดเล็กและคุณภาพต่ำ จึงต้องพึ่งพาการนำเข้าจากประเทศอย่างคาซัคสถาน แคนาดา หรือออสเตรเลีย ถึงร้อยละ 70 แต่การค้นพบในครั้งนี้อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งใหญ่ก็เป็นได้
- ทางด้าน S&P Global ประเมินว่าจีนจะใช้นิวเคลียร์เป็นพลังงานในการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเป็นร้อยละ 10 ของการผลิตพลังงานทั้งหมด หรือคิดเป็น 145 กิกะวัตต์ ภายในปี 2035
และนี่ก็คือข่าวความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจจากประเทศจีนที่เราอยากแจ้งให้เพื่อนๆ ได้ทราบในครั้งนี้ ก็หวังว่าจะเป็นที่ชื่นชอบถูกใจคอจีนทุกคน ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากการค้นพบนี้ จะเป็นเช่นไร เราก็คงต้องเฝ้าจับตามองกัน