สวัสดีเพื่อนๆ ชาว ไอทีเมามันส์ ทุกคน พบกันเป็นประจำเช่นเคยกับการอัพเดทข่าวความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจด้านสังคม สำหรับครั้งนี้เราก็มีข่าวร้ายจะมาแจ้งให้เพื่อนๆ ทุกคนได้ทราบว่า ในปี 2563 ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขได้ออกมาเปิดเผยแล้วว่าเป็นปีที่ประชากรไทยมีอัตราการฆ่าตัวตายสูงที่สุดในรอบ 18 ปี
รายละเอียดเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร ติดตามกันได้ที่สรุปด้านล่างนี้เล้ยย
- กองยุทธศาสตร์แผนงาน กระทรวงสาธารณสุข ได้เปิดเผยผลสำรวจอัตราการฆ่าตัวตาย ปีงบประมาณ 2563 (ตุลาคม 2562 – กันยายน 2563) โดยพบว่ามีผู้ตัดสินใจฆ่าตัวตายทั้งหมด 5,086 ราย คิดเป็นร้อยละ 75 ต่อประชากรหนึ่งแสนคน
- โดยจังหวัดที่มีอัตราการฆ่าตัวตายต่อประชากรแสนคนสูงสุดห้าลำดับแรกได้แก่ ตาก (41) แม่ฮ่องสอน (15.40), เชียงใหม่ (14.92), สระแก้ว (12.46) และ จันทบุรี (12.17)
- และจากการตรวจสอบสถิติย้อนหลัง พบว่าอัตราการฆ่าตัวตายในปี 2563 เป็นสถิติการฆ่าตัวตายสูงที่สุดในรอบ 18 ปี
- โดยเมื่อปีที่แล้ว คณะนักวิจัยคณะหนึ่งได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับอัตราการฆ่าตัวตายที่พุ่งสูงขึ้นระหว่างการล็อคดาวน์รอบแรกว่า อาจเกิดจากเกิดจากปัญหาผลกระทบทางเศรษฐกิจ
- ก่อนการระบาดของโควิด ธนาคารโลกออกรายงานความเหลื่อมล้ำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เมื่อเดือนมีนาคม 2563 พบว่าตัวเลขประชากรไทยที่อยู่ใต้เส้นความยากจนเพิ่มขึ้นจาก 2% เป็น 9.8% ระหว่างปี 2558-2561 หรือเพิ่มขึ้นจาก 4.8 ล้านคน มาเป็น 6.7 ล้านคน
- อย่างไรก็ตาม ตัวเลขอัตราการฆ่าตัวตายในปี 2563 ยังต่ำกว่าอัตราการฆ่าตัวตายหลังวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 ที่มีอัตราการฆ่าตัวตายมากกว่า 8 คนต่อประชากรหนึ่งแสนคน ระหว่างปี 2541-2543
และนี่ก็คือข่าวร้ายที่เราอยากแจ้งให้เพื่อนๆ ได้ทราบในครั้งนี้ ประกอบกับช่วงนี้โควิดกับมาระบาดหนักในไทยอีกครั้ง รุนแรงกว่าครั้งแรก ช่างเป็นสถาการณ์ที่น่าเป็นห่วงเหลือเกิน ดังนั้นการประคับประคองเศรษฐกิจให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด และสร้างหลักประกันให้ทุกคนในสังคมไทยสามารถเข้าถึงอาหารและการรักษาพยาบาล ควบคู่กับการรับมือกับการระบาดใหญ่ เป็นเรื่องท้าทายของสังคมไทยมากที่สุดในช่วงชีวิตของพวกเรา