สวัสดีคอโซเชียลมีเดียทุกคน วันนี้เรามีข่าวใหญ่จะแจ้งให้ทราบว่า ล่าสุด CEO ของ Twitter บอกพนักงาน อนาคตของบริษัทนั้น “ไม่แน่นอน” หลังอีลอน มัสก์ ปิดดีลซื้อกิจการสำเร็จ ซึ่งรายละเอียดเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร เรามาติดตามกันเลย
สรุปข้อมูลและรายละเอียดที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ได้ดังนี้
- เมื่อช่วงเช้ามีรายงานว่า บอร์ดของบริษัท Twitter ได้ยอมรับข้อเสนอซื้อกิจการจากอีลอน มัสก์ แล้วโดยอีลอน มัสก์ จะนำบริษัทออกจากตลาดหลักทรัพย์ทันทีที่การซื้อกิจการเสร็จสิ้น
- รวมถึงยังมีแผนอื่น ๆ เช่น Twitter ต้องเป็นสังคมที่ Free Speech และจะกำจัดบอตออกจาก Twitterหลังจากบริษัทมีการประกาศดังกล่าวออกมา
- ทาง Parag Agrawal ซึ่งเป็น CEO ของ Twitter ก็ได้จัดงานเพื่อพูดคุยกับพนักงานของบริษัททั้งหมดหลายคนก็ตั้งคำถามว่า หลังจากบริษัทจะมีทิศทางเป็นอย่างไร ทาง Parag Agrawal ยอมรับว่า อนาคตของบริษัทนั้น “ไม่แน่นอน” และไม่รู้ว่าแพลตฟอร์มจะไปในทิศทางใด หลังจากอีลอน มัสก์ปิดดีลซื้อกิจการสำเร็จ
- อย่างไรก็ดี Parag Agrawal คาดว่า Twitter และอีลอน มัสก์ จะปิดดีลอย่างเสร็จสมบูรณ์ภายในปลายปีนี้ แต่การที่จะนำบริษัทออกจากตลาดหลักทรัพย์ อาจต้องใช้เวลาอีก 6 เดือนจึงจะสมบูรณ์ ดังนั้น จึงยืนยันว่าในตอนนี้ บริษัทยังไม่มีแผนการเลิกจ้างพนักงาน และบริษัทจะยังดำเนินการตามปกติ
- ก่อนหน้านี้ พนักงาน Twitter ได้อยู่กับสภาวะความแน่นอนไม่ตลอดหลายสัปดาห์ หลังจากที่อีลอน มัสก์ ประกาศข้อเสนอในการซื้อกิจการตั้งแต่วันที่ 14 เมษายนที่ผ่านมา
- ด้วยสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนก็ส่งผลให้พนักงานหลายคนเกิดความรู้สึกสับสน และกังวลใจต่อข้อเสนอของอีลอน มัสก์ เนื่องจากอาจจะเข้ามาส่งผลกระทบต่อการทำงาน และวัฒนธรรมขององค์กร
- โดยสำนักข่าว Bloomberg ได้พูดคุยกับพนักงานรายหนึ่ง พบว่า จากพนักงานทั้งหมด มีเพียง 10% ที่รู้สึกตื่นเต้นกับการที่อีลอน มัสก์ เข้าซื้อกิจการ
- เช่นเดียวกับผู้ใช้งาน Twitter บางรายที่ก็รู้สึกไม่พอใจ จนมีกระแสว่า อาจจะหันไปใช้แพลตฟอร์มโซเชียลอื่น ๆ แทน เช่น CounterSocial แพลตฟอร์มโซเชียลที่ไม่มีโฆษณา และสัญญาว่าจะไม่ขายข้อมูลของผู้ใช้งาน หรือ Truth Social แพลตฟอร์มโซเชียลของ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่เขาสร้างขึ้น เพราะถูก Twitter แบนบัญชีไป
และนี่ก็คือข่าวความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจในแวดวงโซเชียลมีเดียที่เราอยากนำเสนอให้เพื่อนๆ ได้ทราบในครั้งนี้ ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ใช้งานทุกคน ซึ่งทิศทางของ Twitter จากนี้จะเป็นเช่นไร เราก็คงต้องรอติดตามกันต่อไป