ในรายงานผลประกอบการของเฟซบุ๊ก (Facebook) เพื่อเตรียมตัวเปิด IPO ในตลาดที่จะมีขึ้นในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม ศกนี้ระบุว่า ยอดการใช้งานของสมาชิกเครือข่ายสังคมออนไลน์อันดับหนึ่งของโลกเพิ่มขึ้นเป็น มากกว่า 901 ล้านราย หรือคิดเป็น 33% จาก 680 ล้านคนต่อเดือนตั้งแต่มีนาคม 2011 ถึง มีนาคม 2012 ซึ่งแบ่งเป็น 188 ล้านรายในสหรัฐฯ และแคนาดา 241 ล้านรายในยุโรป และ 230 ล้านรายในเอเซีย และในช่วงเวลาเดียวกัน การใช้งานเฉลี่ยต่อวันมีจำนวนผู้ใช้เพิ่มขึ้นสูงถึง 41% จาก 372 ล้านเป็น 526 ล้านรายต่อวัน…ว้าว!!! นอกจากนี้ จำนวนผู้ใช้เฟซบุ๊กบน มือถือยังทะลุ 488 ล้านรายต่อเดือน ซึ่งทางบริษัทคาดว่าการใช้บริการเฟซบุ๊กบนมือถือจะมากกว่าบนพีซีในอีกไม่นาน นัก แต่มันน่าแปลกใจตรงที่ว่า รายได้ส่วนใหญ่ของเฟซบุ๊กเกิดจากการใช้งานพีซี ไม่ใช่มือถือที่ยังไม่มีโมเดลการสร้างรายได้ที่ชัดเจน หรือเฟซบุ๊กกำลังเห็นโอกาสอะไรบางอย่างจากการใช้บริการบนโมบายถึงได้ชู เรื่องนี้อยู่เสมอ นอกจากนี้ เฟซบุ๊กเพิ่งจะซื้อ Instagram ด้วยมูลค่าสูงถึง 1 พันล้านเหรียญฯ ซึ่งน่าจะเป็นจิ๊กซอว์ตัวหนึ่งของการมุ่งสู่การให้บริการบนโมบาย นอกจากนี้ ทางบริษัทยังได้ตัดสินใจจ่าย 550 ล้านเหรียญฯ เพื่อซื้อสิทธิบัตรจากไมโครซอฟท์เมื่อวานนี้ สำหรับสาเหตุที่รายได้ลดลง ทางเฟซบุ๊กกล่าวว่า เป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการว่าจ้างพนักงานใหม่ และการขยายโครงสร้างพื้นฐานทางด้านเทคโนโลยี โดยในส่วนของรายได้จากโฆษณาเพิ่มขึ้นเป็น 872 ล้านเหรียญฯ เทียบกับไตรมาสแรกของปี 2011 จะอยู่ที่ 637 ล้านเหรียญฯ แต่หากเทียบกับไตรมาสสุดท้ายของปีก่อน (943 ล้านเหรียญฯ) รายได้โฆษณาไตรมาสนี้ลดลง ซึ่งเฟซบุ๊กอ้างว่า มันเป็นไปตามแนวโน้มของทุกปี ทั้งนี้เฟซบุ๊กคาดว่า โมเดลการขายโฆษณาบนมือถือผ่านบริการของบริษัทที่เริ่มทดลองใช้ในช่วงปลาย เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาจะกระตุ้นยอดรายได้ให้สูงขึ้น