สวัสดีคอไอที และชาวค่ายผลไม้ทุกคน วันนี้เรามีข่าวสำคัญจะมาแจ้งให้ทราบว่า ล่าสุด Apple เริ่มมองหาฐานการผลิตเพิ่มในเอเชีย เพื่อลดการพึ่งพาจีน โดยมีอินเดียและเวียดนาม เป็นตัวเลือกแรกๆ ซึ่งรายละเอียดเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร เรามาติดตามกันเลย
สรุปข้อมูลและรายละเอียดที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ได้ดังนี้
- ประเทศจีน ประเทศที่เป็นโรงงานของโลก เพราะหากเราลองมองสิ่งของรอบ ๆ ตัว เชื่อว่าแทบจะทุกอย่างที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน ต้องมีสักส่วนใดส่วนหนึ่งที่ประทับคำว่า Made in China เอาไว้ ไม่เว้นแม้แต่ผลิตภัณฑ์จาก Apple บริษัทอุปกรณ์ไอทีอันดับ 1 จากสหรัฐอเมริกา..
- รู้หรือไม่ว่า กว่า 90% ของชิ้นส่วนในผลิตภัณฑ์ Apple ทั้ง iPhone, iPad และ MacBook นั้นถูกผลิตในจีนทั้งหมดด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่างจึงปฎิเสธไม่ได้ว่า จีนเป็นประเทศที่เหมาะกับการผลิตสินค้าจริง ๆ จากค่าแรงที่ถูกเมื่อเทียบกับประเทศฝั่งตะวันตก, ทักษะแรงงาน, กฎหมาย และโครงสร้างพื้นฐานที่ถูกพัฒนามาให้เหมาะกับการรับผลิตสินค้าจากภายนอก
- แต่อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ในประเทศจีน กำลังส่งผลกระทบอย่างหนักกับซัปพลายเชนของ Apple เพราะมาตรการการปิดเมืองที่เข้มงวดของจีน ทำให้โรงงานต่าง ๆ ไม่สามารถผลิตสินค้าได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ รวมไปถึง Apple ก็ไม่สามารถส่งทีมวิศวกรและทีมบริหาร เข้าไปตรวจสอบมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ ได้อีกด้วย
- โดยมีการคาดการณ์ว่า มาตรการดังกล่าวกระทบโดยตรงกับรายได้ของ Apple ซึ่งตีเป็นมูลค่าถึง 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 274,700 ล้านบาท)
- กรณีดังกล่าว เป็นบทเรียนทางธุรกิจที่สะท้อนให้เห็นว่า การพึ่งประเทศใดประเทศหนึ่งมากเกินไปในระบบซัปพลายเชน ไม่ใช่คำตอบที่ดี จึงทำให้ภาคธุรกิจเริ่มหันมาปรับกลยุทธ์ เน้นเรื่องกระจายความเสี่ยงและความมั่นคงของซัปพลายเชน แทนที่จะมองเฉพาะเรื่องของทักษะและต้นทุนการผลิตเท่านั้น
- ซึ่ง Apple ก็คิดแบบนั้น เพราะได้มีรายงานว่า Apple กำลังพิจารณาหาฐานการผลิตเพิ่มในภูมิภาคเอเชีย เพื่อลดการพึ่งพาจีนในระบบซัปพลายเชน และรายงานยังระบุอีกว่า “อินเดีย” และ “เวียดนาม” จะกลายเป็นตัวเลือกแรก ๆ ที่ Apple จะเพิ่มฐานการผลิต
- แล้วทำไมต้องอินเดียและเวียดนาม? อย่างแรก Apple มองว่า “อินเดีย” เป็นประเทศที่มีความใกล้เคียงกับจีนสูง ทั้งปัจจัยด้านประชากรและค่าแรง
- อย่างต่อมาคือ อินเดีย ก็เป็นประเทศที่มีฐานการผลิตของ Apple ตั้งอยู่แล้ว จึงทำให้ทั้งซัปพลายเออร์, พนักงาน และบริษัทขนส่งต่างๆ ต่างคุ้นเคยกับการทำงานร่วมกับ Apple ทำให้ง่ายต่อการบริหารจัดการ
- เหตุผลต่าง ๆ จึงทำให้อินเดียได้เปรียบด้านต้นทุน เพราะการขยายฐานการผลิตนั้นใช้ต้นทุนตำ่กว่าการเริ่มต้นหรือการสร้างใหม่เสมอ..
- โดยในปีที่ผ่านมา อินเดียสามารถผลิต iPhone ได้ 1% ของทั้งโลก และยังมีรายงานอีกว่าสัดส่วนจะเพิ่มขึ้นเป็น 6% ถึง 7% ภายในปีนี้
- แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ไม่สู้ดีระหว่างจีนและอินเดีย จึงทำให้ซัปพลายเออร์ในจีนของ Apple บางราย อาจไม่สามารถตาม Apple มาสร้างโรงงานที่อินเดียได้..
- ตัดมาที่ “เวียดนาม” ม้ามืดแห่งเอเชียที่เป็นฐานการผลิตสมาร์ตโฟนคู่แข่งของ Apple อย่าง Samsung อยู่แล้ว จึงทำให้ทั้งปัจจัยพื้นฐาน องค์ความรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของแรงงานในประเทศ พร้อมต่อการผลิตสมาร์ตโฟน
- รวมไปถึงอุปกรณ์อื่น ๆ จาก Apple เช่น iPad และ MacBook ก็มีฐานการผลิตบางส่วนที่เวียดนามอยู่แล้ว
- อีกอย่างคือเวียดนาม ไม่ได้มีท่าทีเข้าข้างกับฝั่งไหนชัดเจน จึงทำให้การเพิ่มฐานการผลิตที่เวียดนาม น่าจะเป็นตัวเลือกที่ทำให้ทุกฝ่ายพอใจได้..
น่าสนใจว่าสรุปแล้วประเทศไหน จะได้ Apple เข้าไปขยายฐานการผลิต หรือตั้งเป็นฐานการผลิตแห่งใหม่ เพราะการเพิ่มฐานการผลิต หมายถึงเม็ดเงินจำนวนมาก ที่จะหลั่งไหลเข้าประเทศแต่ที่แน่ ๆ ประเทศที่ถูกเลือก จะต้องเป็นประเทศที่มีปัจจัยพื้นฐานพร้อม แรงงานมีความรู้และทักษะ รวมไปถึงค่าแรงที่ยังถูกพอที่จะสร้างกำไรให้บริษัทได้