หลังจาก NVIDIA เปิดตัวชิป AI ซีรีส์ H20 ที่ออกแบบมาเพื่อตลาดจีนโดยเฉพาะ ล่าสุดมีข่าวด่วนว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ประกาศมาตรการควบคุมการส่งออกชิป H20 ไปยังจีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว งานนี้ไม่ใช่แค่กระทบแค่ NVIDIA แต่สะเทือนวงการเทคโนโลยีทั่วโลกเลยก็ว่าได้
ชิป H20 เป็นหนึ่งในตระกูลของชิป AI ที่ถูกออกแบบมาให้รองรับการทำงานในระดับสูง เช่น การประมวลผลโมเดลขนาดใหญ่ การฝึกและรัน LLM (Large Language Model) และการใช้งานในระดับดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งก่อนหน้านี้สหรัฐฯ เคยแบนชิป A100 และ H100 ไม่ให้ส่งออกไปยังจีนแล้วรอบนึง และ H20 ก็ถือเป็นเวอร์ชันที่ NVIDIA พยายามปรับสเปกให้พอจะผ่านกฎข้อบังคับได้
แต่สุดท้ายก็ไม่รอด เพราะตอนนี้ H20 ก็โดนเพิ่มชื่อเข้าไปในลิสต์การควบคุมสินค้าส่งออกเรียบร้อย ซึ่งหมายความว่า NVIDIA ไม่สามารถส่งชิปนี้ไปยังลูกค้าในจีนหรือประเทศอื่นๆ ที่อยู่ในข่ายควบคุมได้
เหตุผลหลัก ๆ ที่สหรัฐฯ ทำแบบนี้ก็เพราะความกังวลเรื่องความมั่นคงระดับชาติ กลัวว่าชิป AI จะถูกนำไปใช้ในงานทางการทหารหรือการพัฒนาเทคโนโลยีที่อาจเป็นภัยต่อความมั่นคง โดยเฉพาะเมื่อจีนมีการลงทุนใน AI อย่างต่อเนื่องและจริงจังมากขึ้นเรื่อยๆ
ฝั่ง NVIDIA เองก็รู้ตัวว่าตลาดจีนเป็นตลาดใหญ่ที่ทำรายได้หลายพันล้านเหรียญต่อปี และ H20 ก็เป็นความพยายามหนึ่งในการ “ลดความแรง” ของสเปกลง เพื่อให้ยังสามารถขายในจีนได้แบบไม่ผิดกฎหมาย แต่กฎใหม่จากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ในรอบนี้ก็ชัดเจนว่า “ไม่ว่าจะแต่งตัวยังไง ถ้าอยู่ในแก่นเทคโนโลยีระดับสูง ก็ไม่ให้ผ่านอยู่ดี”
เรื่องนี้กระทบทั้งอุตสาหกรรม AI ในจีน ที่กำลังเร่งพัฒนา LLM ของตัวเองอย่าง Baidu, Alibaba, และ Tencent ที่ต่างก็พึ่งพาชิปของ NVIDIA อยู่ไม่น้อย และยังอาจทำให้เกิดการเร่งพัฒนา “ชิปในประเทศ” ของจีนมากยิ่งขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่การแข่งขันทางเทคโนโลยีที่เข้มข้นยิ่งกว่าเดิมในอนาคต
อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจคือ การเคลื่อนไหวนี้ไม่ได้กระทบแค่ NVIDIA เท่านั้น แต่บริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ ที่ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับ AI ในจีนก็จะต้องทบทวนกลยุทธ์กันใหม่หมด เช่น Cloud Provider อย่าง Huawei Cloud หรือบริการ AI SaaS ต่างๆ ที่ใช้ชิปของ NVIDIA
ในระยะสั้น แน่นอนว่า NVIDIA จะเสียรายได้จากลูกค้าในจีน ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าส่วนนี้อาจคิดเป็นเกือบ 20-25% ของรายได้จากกลุ่มผลิตภัณฑ์ AI ทั้งหมด และในระยะยาวก็คงต้องจับตาว่า NVIDIA จะหาทางออกอย่างไร จะพัฒนาเวอร์ชันใหม่มาแก้เกมอีกไหม หรือจะหันไปโฟกัสตลาดอื่นมากขึ้น
เรื่องนี้ถือเป็นอีกหนึ่งหมากของเกมการแข่งขันระหว่างมหาอำนาจทางเทคโนโลยีที่ไม่มีใครยอมใคร และอาจเป็นสัญญาณว่าต่อจากนี้ โลกของ AI จะถูกแบ่งออกเป็นหลายขั้วมากขึ้น ไม่ใช่ตลาดเดียวเหมือนในอดีต
ใครที่กำลังติดตามข่าวเทคโนโลยี AI หรือทำธุรกิจที่เกี่ยวข้อง อย่าลืมจับตาให้ดี เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ อาจเปลี่ยนทิศทางของอุตสาหกรรมนี้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าเลยก็ได้