สวัสดีคอภาพยนตร์ทุกคน วันนี้เรามีข่าวที่น่าสนใจจะมาแจ้งให้ทราบว่า ล่าสุดเครื่องบินไฮเปอร์โซนิกในหนัง Top Gun: Maverick สมจริงจนดาวเทียมจีนแอบส่อง ซึ่งรายละเอียดเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร เรามาติดตามกันเลย
สรุปข้อมูลและรายละเอียดที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ได้ดังนี้
- ล่าสุดนาย เจอร์รี่ บรั๊คไฮเมอร์ (Jerry Bruckheimer) ผู้อำนวยการผลิตของภาพยนตร์เรื่องท็อปกัน มาเวอริค (Top Gun: Maverick) ให้สัมภาษณ์กับแซนด์บ็อกซ์ (Sandboxx) ว่ากองทัพเรือสหรัฐฯ กล่าวอ้างว่าดาวเทียมสอดแนม (Spy Satellite) ของจีนเปลี่ยนเส้นทางวงโคจรมาเพื่อสอดแนมและบันทึกภาพถ่าย Darkstar ที่ทางรัฐบาลจีนคิดว่าเป็นเครื่องบินโจมตีสอดแนมที่มีความเร็วเหนือเสียง (Hypersonic Stealth Aircraft) รุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งความเป็นจริงแล้ว Darkstar เป็นเพียงอุปกรณ์ประกอบการถ่ายทำเท่านั้น
- โดย ท็อปกัน มาเวอริค (Top Gun: Maverick) ภาพยนตร์ภาคต่อที่หลายคนรอคอยมาอย่างยาวนานกว่า 24 ปี ที่ได้ผู้อำนวยการผลิตระดับตำนานเจอร์รี่ บรั๊คไฮเมอร์ (Jerry Bruckheimer) มากำกับดูแล ซึ่งทางบรั๊คไฮเมอร์ (Bruckheimer) และผู้กำกับโจเซฟ โคซินสกี้ (Joseph Kosinski) ต้องการให้การสร้างท็อปกัน มาเวอริค (Top Gun: Maverick) นั้นสมจริงไม่ต่างจากตำนานอย่างภาคแรกซึ่งถ่ายทอดระบบการบินในกองทัพเรือสหรัฐฯ ได้ดสมจริงที่สุดในยุคนั้น จึงได้จับมือกับล็อกฮีด มาร์ติน (Lockheed Martin) ผู้ผลิตเครื่องบินขับไล่ตระกูลเอฟ อย่าง F-16 F-22 และ F-35 เพื่อออกแบบเครื่องบินรบจำลองเพื่อใช้ประกอบการถ่ายทำ
- สกังก์ เวิร์ก (Skunk Works) เป็นแผนกออกแบบเครื่องบินรบของล็อกฮีด มาร์ติน (Lockheed Martin) ที่ได้รับมอบหมายให้ออกแบบเครื่องบินสำหรับการถ่ายทำท็อปกัน มาเวอริค (Top Gun: Maverick) ในครั้งนี้ ซึ่งผลการออกแบบนั้นให้ภาพลักษณ์ที่เหมือนเครื่องบินสเตลท์ (Stealth Aircraft) รุ่นใหม่ล่าสุด จึงไม่แปลกใจที่จะทำให้กองทัพจีนตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางวงโคจรของดาวเทียมสอดแนมของตนเพื่อมาจับภาพเครื่องบินลำใหม่ที่คิดว่ามีอยู่จริงในสหรัฐอเมริกา
- ความสมจริงของ Darkstar ที่มากจนกระทั่งต้มกองทัพจีนเปื่อยสนิทนั้นเป็นผลมาจากการที่สกังก์ เวิร์ก (Skunk Works) เป็นทีมเดียวกับทีมที่เคยออกแบบล็อกฮีด เอฟ 117 ไนท์ฮอว์ค (Lockheed F-117 Nighthawk) ซึ่งเป็นเครื่องบินสเตลท์รุ่นแรกของสหรัฐอเมริกา รวมถึงยังออกแบบเครื่องบินสเตลท์อีกหลายรุ่นที่มีทรงคล้ายกัน
- ความตลกร้ายของเรื่องนี้ยังเพิ่มระดับมากขึ้น เพราะผู้ประกาศตัวออกทุนสร้างภาคต่อในรอบ 24 ปีนี้ก็คือ เทนเซ็นต์ (Tencent) ซึ่งเป็นบริษัทอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่เชื่อว่าอาจจะมีรัฐบาลจีนอยู่เบื้องหลัง หลังกระแสตอบรับของรัฐบาลจีนที่มีต่อภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นไปในทิศทางลบเพราะจีนมองว่าภาพยนตร์มีเนื้อเรื่องที่เยินยอสหรัฐฯ มากไป ทางบริษัทจึงตัดสินใจถอนการลงทุนอย่างเป็นทางการในวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่ผู้อำนวยการผลิตบรั๊คไฮเมอร์ (Bruckheimer) ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนนั้นเป็นเพียงการแสดงความเห็นส่วนบุคคล มิได้เป็นข้อมูลจากแถลงการณ์ของทางกองทัพเรือสหรัฐฯ หรือหน่วยงานความมั่นคงแต่อย่างใด แต่เรื่องราวนี้ก็ทำให้เรารู้ได้ว่าทางผู้สร้างเชื่อว่าผลงานในครั้งนี้มีความสมจริงมากในระดับที่ทำให้กองทัพจีนหลงเชื่อได้อย่างแน่นอน