สวัสดีคอกีฬาทางน้ำทุกคน โดยเฉพาะใครที่ชื่นชอบกีฬาแอดเวนเจอร์ต้องไม่พลาดคอนเทนต์นี้ เพราะครั้งนี้เรากำลังจะแนะนำให้คุณได้รู้จักอุปกรณ์ที่จะพาคุณบินไปบนผิวน้ำอย่างไฮบริดบอร์ด (Hybridboard) ซึ่งเป็นลูกผสมระหว่าง E-foiling และกระดานโต้คลื่นไฟฟ้า แล้วมันจะมีความน่าสนใจอย่างไร ใครอยากรู้ ตามมาดูกันเลย
สรุปข้อมูลและรายละเอียดที่น่าสนใจเกี่ยวกับ ไอบริดบอร์ด (Hybridboard) ตัวนี้ ได้ดังนี้
กีฬาแอดเวนเจอร์ทางน้ำเป็นอีกหนึ่งชนิดกีฬาที่คนรุ่นใหม่นิยมเล่นกันในช่วงพักผ่อนวันหยุด และเพื่อเป็นการตอบโจทย์ความสนุกสุดมันส์ที่หลากหลาย ล่าสุด บริษัท สกูบาเจ็ท (Scubajet) ประเทศออสเตรีย เปิดตัวกระดานชนิดใหม่ที่เรียกว่าไฮบริดบอร์ด (Hybridboard)
ซึ่งมันก็คืออุปกรณ์กีฬาทางน้ำลูกผสมระหว่างอี-ฟอยล์ลิง (E-foiling) และกระดานโต้คลื่นไฟฟ้า (e-surf) รวมเอาจุดเด่นของกีฬาทั้งชนิดมาไว้ด้วยกันในอุปกรณ์ชิ้นเดียว
เพื่อการสร้างอุปกรณ์ชนิดนี้ให้ประสบผลสำเร็จทีมงานวิศวกรใช้เวลาออกแบบและพัฒนานานกว่า 2 ปี การออกแบบได้รับแรงบันดาลใจจากอุปกรณ์มอเตอร์ขับเคลื่อนใต้น้ำ (Portable Series) โครงสร้างมีความแข็งแกร่งผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ความยาว 174 เซนติเมตรและกว้าง 63 เซนติเมตร น้ำหนัก 11.5 กิโลกรัม ไม่รวมน้ำหนักของแบตเตอรี่
การปรับเปลี่ยนรูปแบบเป็นอี-ฟอยล์ลิง (E-foiling) ใช้ระบบที่เรียกว่า Quick Relase การติดตั้งปีก High Aspect Wing รูปทรงคล้ายปีเครื่องบินตามหลักพลศาสตร์ของไหลพร้อมติดตั้งเสาความสูง 75 เซนติเมตร ยึดติดกับกระดานไฮบริดบอร์ด (Hybridboard)
อี-ฟอยล์ลิง (E-foiling) ติดตั้งแบตเตอรี่ขนาด 1.7 กิโลวัตต์ (kWh) จำนวน 2 โมดูล น้ำหนักประมาณ 10 กิโลกรัม ใช้เวลาในการชาร์จพลังงานไฟฟ้า 40 นาที มอเตอร์ไฟฟ้าสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่หากปรับเปลี่ยนรูปแบบเป็นกระดานโต้คลื่นไฟฟ้า (e-surf) ความเร็วจะลดลงเหลือ 45 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
โดยจุดเด่นของกระดานไฮบริดบอร์ด (Hybridboard) ใช้การเชื่อมต่อกับนาฬิกาแอปเปิลวอช (Apple Watch) รองรับการติดต่อสื่อสารระยะไกลเชื่อมต่อระบบควบคุมความเร็วเพื่อความสม่ำเสมอและความปลอดภัยขณะใช้งาน
และนี่ก็คือไอบริดบอร์ดที่เราอยากแนะนำให้เพื่อนๆ ได้รู้จักในครั้งนี้ ก็หวังว่าจะเป็นที่ชื่นชอบถูกใจคอกีฬาทุกคน สำหรับผู้ที่สนใจบริษัท สกูบาเจ็ท (Scubajet) เปิดให้สั่งจองล่วงหน้าโดยวางเงินค่ามัดจำ 5,970 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 195,610 บาท และจ่ายรวมทั้งหมดในราคา 17,200 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 563,550 บาท บริษัทพร้อมจัดส่งให้ลูกค้าในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน 2023