สวัสดีเพื่อนๆ ชาว ไอทีเมามันส์ ทุกคน กลับมาพบกับเรื่องราววาไรตี้ที่น่าสนใจจากรอบโลกกัน สำหรับในครั้งนี้เราจะพาเพื่อนๆ มาดูสมองที่ถูกเปลี่ยนเป็น “แก้ว” จากความร้อนจากการปะทุของภูเขาไฟวิสุเวียส ซึ่งจะมีหน้าตาอย่างไร และมันเกิดขึ้นได้อย่างไร เรามาดูกัน
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วเมื่อครั้งที่ภูเขาไฟวิสุเวียสระเบิดขึ้นเมื่อ 79 ปีก่อนคริสตกาล
ภูเขาไฟลูกนี้มันได้ปล่อยก๊าซและหินร้อนออกมามากพอจะต้มเลือดจนเดือด เนื้อระเหยกลายเป็นไอ และเปลี่ยนเนื้อเยื่อสมองให้กลายเป็นแก้ว ตามรายงานของสำนักข่าว Live Science วันที่ 23 มกราคม 2020
ปกติแล้วนักโบราณคดีไม่ค่อยพบสมองมนุษย์ระหว่างการขุดสำรวจมากนัก แต่ถ้าพบ สมองก็จะมีสภาพคล้ายสบู่ผิวเรียบ ๆ เนื่องจากไตรกลีเซอไรด์ในเนื้อเยื่อสมองทำปฏิกิริยากับอนุภาคที่มีประจุในสภาพแวดล้อมโดยรอบ แต่ล่าสุดนักวิทยาศาสตร์พบสิ่งที่ต่างออกไปเมื่อตรวจสอบซากของผู้เคราะห์ร้ายที่เสียชีวิตในเฮอร์คิวเลเนียม (Herculaneum) ประเทศอิตาลี ระหว่างการระเบิดของภูเขาไฟวิสุเวียส พวกเขาพบว่าสมองของเหยื่อ ถูกไฟไหม้จนเปลี่ยนเป็นแก้วชิ้นเล็กชิ้นน้อยสีดำผ่านกระบวนการที่เรียกว่า vitrification จนมีลักษณะคล้ายกับแก้วที่ห่อหุ้มผิวของกะโหลกศีรษะของมนุษย์เอาไว้
การค้นพบนี้เกิดขึ้นโดย ดร.เพียร์ เพาโล เปโตรเน (Pier Paolo Petrone) ศาสตราจารย์วิชาสรีรวิทยาของมนุษย์และมานุษยวิทยาจากมหาวิทยาลัยแพทย์เฟเดอริโกที่สอง (Federico II University) ในอิตาลี
เปโตรเนและเพื่อนร่วมงานของเขาเข้าไปสำรวจซากโครงกระดูกของเหยื่อมากกว่า 300 คน ในเฮอร์คิวเลเนียมที่หนีภัยไปยังโรงเรือในช่วงที่มีการระเบิดของภูเขาไฟวิสุเวียส และตายจากความร้อนของการระเบิด เฮอร์คิวเลเนียมอยู่ห่างจากเมืองปอมเปอีประมาณ 20 กิโลเมตร และด้วยความใกล้นี้เอง ทำให้ผู้คนในเฮอร์คิวเลเนียมพบกับชะตากรรมที่น่าสยดสยอง โดยเฉพาะเลือดที่เดือดและสร้างแรงดันสูงจนทำให้หัวกะโหลกของพวกเขาระเบิด
ในงานวิจัยชิ้นใหม่ เปโตรเนและผู้ร่วมเขียนงานวิจัยเข้าไปตรวจสอบเหยื่อที่อยู่บนเตียงไม้ ซึ่งถูกค้นพบในทศวรรษ 1960
พบว่าพวกเขาถูกฝังอยู่ในกองเถ้าภูเขาไฟ โครงกระดูกไหม้เกรียม และมีเศษกะโหลกกระจัดกระจายเพราะแรงระเบิด ทีมนักวิจัยพบเศษวัสดุสีดำมันวาวอยู่ในเศษซากของกะโหลก เมื่อพวกเขานำเศษของเนื้อเยื่อสมองมาวิเคราะห์ก็พบว่า มันประกอบด้วยโปรตีนที่พบในส่วนต่าง ๆ ของสมองมนุษย์ เช่น เปลือกสมอง, และสมองส่วนอะมิกดะลา อีกทั้งยังพบกรดไขมันที่พบในผมของมนุษย์ และไตรกรีเซอร์ไรด์ที่พบได้ทั่วไปในเนื้อเยื่อสมอง
จากการวิเคราะห์ไม้ตอกะโกที่พบใกล้ศพ นักวิจัยพบว่าห้องน่าจะมีอุณหภูมิสูงถึง 520 องศาเซลเซียส ซึ่งร้อนพอที่จะทำให้เนื้อเยื่ออ่อนนุ่มของร่างกายของเหยื่อระเหยกลายเป็นไอ และเผาไขมันหมดไป หลังระเบิดสงบลง ความร้อนของร่างกายจะเย็นลงอย่างรวดเร็ว จึงหลงเหลือแต่ซากกะโหลกที่ระเบิดจนน่าสยดสยองและสมองที่กลายเป็นแก้วอย่างสวยงาม